งานเมาลิดนบี มัสยิดบ้านฮ่อสุนทรียะแห่งรสชาติ ในวันที่ฉันได้สัมผัสหัวใจของพหุวัฒนธรรมล้านนา

งานเมาลิดนบี มัสยิดบ้านฮ่อ
สุนทรียะแห่งรสชาติ ในวันที่ฉันได้สัมผัสหัวใจของพหุวัฒนธรรมล้านนา
        ผมเดินเข้าไปในลานมัสยิดบ้านฮ่อในบ่ายวันนี้ของงานเมาลิดนบี วันที่สองของการจัดงานพอดี แดดเชียงใหม่ยังอ่อนโยน ลมหนาวปลายปีพัดผ่านเบา ๆ กลิ่นอาหารลอยคลุ้งมาตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูรั้วมัสยิด—กลิ่นที่ไม่ได้เป็นเพียงกลิ่นของความอร่อย แต่เป็นกลิ่นของ “เรื่องเล่า” ที่ซ้อนทับกันมาหลายชั่วอายุคน นี่แหละ…คือ “ล้านนา” ในแบบที่ผมคุ้นเคย

       ไม่ใช่เพียงดินแดนของภูเขาและป่าไม้ แต่คือแผ่นดินที่ผู้คนหลากหลายได้หยั่งราก เติบโต และเรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างงดงาม
ตลอดหลายศตวรรษ เชียงใหม่ทำหน้าที่เป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรม เปิดพื้นที่ให้ชาวพื้นเมือง ชาวจีนยูนนาน หรือ “จีนฮ่อ” รวมถึงพี่น้องมุสลิมจากหลากหลายภูมิหลัง ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ความงดงามเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏอยู่แค่ในสถาปัตยกรรม ภาษา หรือการแต่งกาย หากแต่แฝงตัวอยู่ในสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด
       วันแห่งความตื่นตาในงานเมาลิด ภายในงานเมาลิดนบีปีนี้ ลานมัสยิดถูกแปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างมีชีวิต ร้านอาหารเรียงรายราวกับนิทรรศการรสชาติ ผมเดินช้า ๆ มองหม้อแกงที่เดือดปุด กลุ่มแม่บ้าน ที่กำลังคนแกงอย่างตั้งใจ เสียงทักทายกันด้วยรอยยิ้ม—ทั้งหมดนี้ทำให้ผมรู้สึกว่า งานเมาลิดไม่ใช่เพียงพิธีกรรมทางศาสนา แต่เป็นพื้นที่ของความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน
#รสสัมผัสแห่งล้านนา (ฮาลาล)
สิ่งแรกที่สะดุดตาและสะดุดใจผม คืออาหารเมืองเหนือที่คุ้นเคย แต่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันตามวิถีฮาลาล
ไส้อั่วและลาบเนื้อ กลิ่นสมุนไพรแรงชัดแบบคนเมืองแท้ ๆ  แกงอ่อมและแกงกระด้าง เมนูพื้นบ้านที่เดี๋ยวนี้แทบไม่เห็นในชีวิตประจำวัน
และที่ผมหยุดนานเป็นพิเศษ—ขนมจีนน้ำเงี้ยวเนื้อ น้ำแกงเข้มข้น ใช้เนื้อวัว รสชาติแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ นี่คือรสชาติที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของชุมชนมุสลิมเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด
มรดกรสชาติจีนยูนนานแห่งบ้านฮ่อ
มาถึงบ้านฮ่อ จะไม่พูดถึงอาหารจีนยูนนานก็คงไม่ได้

      ซาลาเปาแป้งนุ่มร้อน ๆ กินคู่กับแกงสไตล์ยูนนานรสเข้ม  ขนมปิงจือไส้ถั่วดำ ขนมแป้งจี่ในตำนาน
รวมถึงขนมยูเชียงและขนมจีนโบราณอีกหลายชนิด ที่ปัจจุบันแทบหาไม่ได้ในชีวิตประจำวัน แต่กลับปรากฏตัวอย่างภาคภูมิใจในงานนี้
      อาหารเหล่านี้ไม่ใช่แค่ของกิน หากคือร่องรอยของการอพยพ ความทรงจำของบรรพบุรุษ และการปรับตัวบนแผ่นดินล้านนา
กลิ่นอายจากอินเดียและอาหรับ
ผมถูกดึงดูดด้วยกลิ่นเครื่องเทศจากอีกมุมหนึ่งของงาน
#ข้าวมะเขือเปรี้ยว สูตรอาหรับที่ปรับรสให้กลมกล่อมแบบไทย
แกงมัสร่าเนื้อ จากมูลนิธิสุไลมาน รสเข้ม ลึก และอบอุ่น
ขนมซูยี จากบ้านเซลามัน หอมมันหวานพอดี  ก่อนจะปิดท้ายด้วยชานมสดหอมกรุ่นจาก สนท. ที่ช่วยตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว

       ทุกคำที่ชิม !! คือการเดินทางข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องออกจากเชียงใหม่ ความกลมกล่อมแบบไทยร่วมสมัย  ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น   แกงเขียวหวาน ผัดพริกสด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อลูกชิ้น และเมนูที่เรียกรอยยิ้มจากผมโดยไม่รู้ตัว—ไก่ทอดน้ำพริกหนุ่ม จากร้านอับดุลการีมไก่สด ไก่ทอดกรอบ ๆ กินคู่กับน้ำพริกหนุ่ม
        กลายเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมการกินที่เรียบง่าย แต่ชัดเจนอย่างยิ่ง
       รายได้จากอาหารทุกจาน ถูกส่งต่อเพื่อบำรุงกิจการมัสยิด เป็นการทำบุญที่อิ่มทั้งท้องและอิ่มทั้งใจ
      ขณะเดียวกัน ยังมีเสื้อผ้าอาภรณ์มุสลิมที่ตัดเย็บอย่างประณีต วางจำหน่ายเคียงข้างอาหาร เป็นอีกภาพสะท้อนของเศรษฐกิจชุมชนที่เติบโตไปพร้อมศรัทธา

#เมื่อความแตกต่างคือความงดงาม
เมื่อผมเดินออกจากมัสยิดบ้านฮ่อ สิ่งที่ติดตัวกลับมาไม่ใช่แค่อิ่มท้อง แต่คือความอิ่มเอมใจ งานเมาลิดนบีที่นี่ ไม่ได้เป็นเพียงงานเฉลิมฉลองทางศาสนา แต่คือภาพสะท้อนของสังคมพหุวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิต
         อาหารจากล้านนา จีน อินเดีย อาหรับ และไทย วางอยู่เคียงกันอย่างเป็นธรรมชาติ เช่นเดียวกับผู้คนหลากหลายที่นั่งล้อมวงกินด้วยกัน

      ภาพทั้งหมดนี้ ทำให้ผมนึกถึงพระดำรัสของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ในอัลกุรอาน บทอัลฮุญุรอต โองการที่ 13 ที่ว่า

“โอ้ มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชายและเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่าและตระกูล เพื่อจะได้รู้จักซึ่งกันและกัน…”

#ความหลากหลายจึงไม่ใช่ความแตกแยก หากคือความงดงามตามบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
และในวันนั้น—ผมได้เห็นโองการนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า ผ่านจานอาหารและรอยยิ้มของผู้คนในงานเมาลิดนบี ณ มัสยิดบ้านฮ่ออย่างชัดเจนที่สุด

ความคิดเห็น