กินลาบจิ้นที่มัสยิดดารุลบิร สันกลาง สันกำแพง
อาหาร งานบุญ และความอบอุ่นของชุมชนล้านนา
กลิ่นหอมจากลานมัสยิด
เช้านี้ของวันพุธ ลานกว้างข้างมัสยิดดารุลบิร บ้านสันกลางอ.สันกำแพง คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงหัวเราะและการทักทายของญาติพี่น้องขับกล่อมเหมือนดนตรีพื้นบ้าน ข้างครัวนั้น ผู้เฒ่ากำลังยืนประจำเขียงไม้ขนาดใหญ่ มือขวากุมมีดคมกริบ สับเนื้อควายสด ๆ ลงจังหวะถี่ ๆ “ตึ้ก ๆ ๆ ๆ” กลิ่นหอมของมะแขว่น พริกแห้งคั่ว และสมุนไพรพื้นบ้านคลุ้งไปทั่ว
นี่คือบรรยากาศของ “ลาบจิ้น” – อาหารที่ไม่ได้เป็นเพียงเมนู แต่คือสัญลักษณ์ของงานบุญ งานศพ และการรวมญาติของคนเหนือ
ลาบจิ้นคือภูมิปัญญาที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน คำว่า “ลาบ” ในสำรับอาหารเหนือ หมายถึงเนื้อสับละเอียดคลุกสมุนไพร ไม่เหมือนลาบภาคอีสานที่อาศัยข้าวคั่วพริกและน้ำปลา ส่วนคำว่า “จิ้น” ในภาษาล้านนา หมายถึงเนื้อสัตว์ ลาบจิ้นจึงรวมถึงทั้งลาบควาย ลาบงัว และลาบไก่
รสชาติของลาบจิ้นโดดเด่นไม่เหมือนใคร—เผ็ดร้อนจากพริก ความซ่าชาจากมะแขว่น หอมสดจากสมุนไพรท้องถิ่น กินกับผักสดหลากชนิด ทั้งต๋ำข่า ผักไผ่ แตงกวา และข้าวเหนียวร้อน ๆ
ที่สำคัญ ลาบจิ้นยังสะท้อนบทบาททางสังคม ในหลายพื้นที่ ลาบถูกยกให้เป็น “อาหารลูกผู้ชาย” เพราะการทำลาบต้องใช้แรง ใช้มีดสับเนื้อกันสด ๆ ต่อหน้าแขกในงาน ถือเป็นทั้งการโชว์ฝีมือและน้ำใจเจ้าภาพ
เมื่อจานลาบถูกยกออกมาวางกลางเสื่อ แขกทุกคน—ทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ เด็ก ๆ และญาติจากต่างถิ่น—ต่างนั่งล้อมวง รสจัดจ้านปลุกลิ้นให้ตื่น แต่สิ่งที่อิ่มยิ่งกว่าคือบรรยากาศของความอบอุ่น
ลาบจิ้นจึงไม่ได้เป็นเพียงอาหาร หากแต่เป็น เครื่องหมายของการรวมญาติ ความศรัทธา และความผูกพันของชุมชนสันกลาง ที่ยังคงสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น
ทุกครั้งที่มีการทำลาบจิ้นที่มัสยิดดารุลบิร ภาพเสียงและรสชาติที่เกิดขึ้น ไม่เพียงบันทึกอยู่ในความทรงจำของชาวบ้าน แต่ยังตอกย้ำว่า อาหารหนึ่งจานสามารถบอกเล่าเรื่องราวของทั้งชุมชนได้อย่างลึกซึ้ง
#ขอบคุณภาพจากแอดมินเพจช้างคลาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น