สัตว์ที่เชือดด้วยกับชาวชีอะห์มุสลิมซุนหนี่สามารถรับประทานได้ใหม มีหลักหรืองอ้างอิงทางศาสนาอิสลามหรือไม่
🥩 หลักการพื้นฐานของเนื้อสัตว์ที่เชือดตามหลักอิสลาม
เนื้อสัตว์จะถือเป็น ฮาลาล (อนุญาตให้บริโภคได้) ตามหลักศาสนาอิสลามเมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขหลักดังนี้:
- ผู้เชือดต้องเป็นมุสลิม หรือเป็น ชาวคัมภีร์ (อะฮ์ลุลกิตาบ - Ahl al-Kitab คือชาวยิวและคริสเตียน) ที่ทำการเชือดตามวิธีการที่สอดคล้องกับศาสนาอิสลาม (การระบายเลือดออก)
- ต้องกล่าวนามของอัลลอฮ์ (\text{Bismillah} - ด้วยพระนามของอัลลอฮ์) ในขณะที่ทำการเชือดสัตว์แต่ละตัวโดยจงใจ
- วิธีการเชือด ต้องเป็นการตัดหลอดลม (Hulqum) หลอดอาหาร (Mari') และเส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอทั้งสองข้าง (Wadajān) ให้ขาดอย่างรวดเร็ว โดยมีเจตนาเพื่อให้อัลลอฮ์เท่านั้น
- สัตว์ต้องมีชีวิต ก่อนการเชือด และตายเพราะการเชือดนั้น
- สัตว์ที่ถูกเชือด ต้องเป็นสัตว์ที่ศาสนาอิสลามอนุญาตให้บริโภคได้ (เช่น วัว, แพะ, ไก่, ไม่ใช่หมูหรือสัตว์กินเนื้อ)
🕌 การรับประทานเนื้อสัตว์ที่เชือดโดยมุสลิมซุนหนี่และชีอะห์
โดยทั่วไปแล้ว:
- เนื้อสัตว์ที่เชือดโดยมุสลิมซุนหนี่ ย่อมถือเป็น ฮาลาล ตราบใดที่ผู้เชือดได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเชือดตามหลักศาสนาอิสลาม (ดังกล่าวข้างต้น)
- เนื้อสัตว์ที่เชือดโดยมุสลิมชีอะห์ ก็ย่อมถือเป็น ฮาลาล เช่นกัน หาก ผู้เชือดซึ่งเป็นชีอะห์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเชือดตามหลักศาสนาอิสลามอย่างครบถ้วน
ความแตกต่างทางนิกายระหว่างซุนหนี่และชีอะห์ไม่ได้ทำให้เนื้อสัตว์เป็น ฮะรอม (ต้องห้าม) โดยอัตโนมัติ เนื่องจากทั้งสองกลุ่มถือเป็นมุสลิมที่ศรัทธาในอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ (ท่านศาสดามุฮัมมัด)
อย่างไรก็ตาม:
นักวิชาการบางกลุ่มอาจมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นย่อยทางนิติศาสตร์ (ฟิกฮ์) หรือความเชื่อ (อะกีดะห์) ที่อาจส่งผลต่อความสมบูรณ์ของการเชือด เช่น:
- การกล่าวพระนามอัลลอฮ์: นักนิติศาสตร์ชีอะห์บางท่าน (เช่น ซัยยิด อะลี อัล-ซีสตอนี) ถือว่าการกล่าวพระนามอัลลอฮ์เพียงครั้งเดียวสำหรับการเชือดจำนวนมากด้วยเครื่องจักร เพียงพอ ในขณะที่นักนิติศาสตร์ซุนหนี่ส่วนใหญ่เรียกร้องให้กล่าวพระนามของอัลลอฮ์สำหรับการเชือด สัตว์แต่ละตัว
- ความเชื่อที่ก่อให้เกิดการตั้งภาคี (ชิริก): ในกรณีที่ผู้เชือด (ไม่ว่าจะซุนหนี่หรือชีอะห์) มีความเชื่อหรือการปฏิบัติที่เป็นการ ตั้งภาคี (เช่น การเชือดในนามของสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮ์) เนื้อสัตว์นั้นจะกลายเป็น ฮะรอม ทันที ตามโองการในอัลกุรอานที่ระบุว่า: "สิ่งต้องห้ามสำหรับพวกเจ้านั้น คือ เนื้อสัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ยามที่เชือดมัน" (อัล-กุรอาน 5:3)
-
อัลกุรอาน:
- ในโองการที่กำหนดสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) อัลลอฮ์ได้ระบุถึงสัตว์ที่ไม่ได้ถูกเชือดตามหลักการไว้: "พวกเจ้าจงอย่าบริโภคเนื้อสัตว์ที่นามของอัลลอฮ์มิได้ถูกกล่าวไว้เหนือมัน..." (อัล-กุรอาน 6:121)
- อัลลอฮ์ได้อนุญาตให้บริโภคเนื้อสัตว์ที่เชือดโดยชาวคัมภีร์: "อาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ (ชาวยิวและคริสเตียน) เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเจ้า และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา..." (อัล-กุรอาน 5:5)
- อัลลอฮ์ได้อนุญาตให้บริโภคเนื้อสัตว์ที่เชือดโดยชาวคัมภีร์: "อาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ (ชาวยิวและคริสเตียน) เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเจ้า และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา..." (อัล-กุรอาน 5:5)
- บทสรุป: เนื่องจากทั้งชีอะห์และซุนหนี่ต่างก็นับถือศาสนาอิสลาม และเชื่อว่าสัตว์ต้องถูกเชือดในนามของอัลลอฮ์ เนื้อสัตว์ที่เชือดโดยใครก็ตามที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเชือดตามบทบัญญัติอิสลามอย่างถูกต้อง ย่อมเป็นฮาลาล
"สิ่งต้องห้ามสำหรับพวกเจ้านั้น คือ เนื้อสัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ยามที่เชือดมัน" (อัล-กุรอาน 5:3)
📚 อ้างอิงทางศาสนาอิสลาม
หลักการนี้มีที่มาจาก อัลกุรอาน และ ซุนนะห์ (แบบฉบับของท่านศาสดามุฮัมมัด)
"พวกเจ้าจงอย่าบริโภคเนื้อสัตว์ที่นามของอัลลอฮ์มิได้ถูกกล่าวไว้เหนือมัน..." (อัล-กุรอาน 6:121)
"อาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ (ชาวยิวและคริสเตียน) เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเจ้า และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา..." (อัล-กุรอาน 5:5)
ดังนั้น ประเด็นหลักคือวิธีการเชือด ไม่ใช่นิกายของผู้เชือด หากคุณมั่นใจว่าการเชือดนั้นเป็นไปตามกฎของอิสลาม เนื้อสัตว์นั้นก็ถือว่ารับประทานได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น