อุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏอบ (Umar ibn al-Khattāb) เป็นบุคคลสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์อิสลาม ท่านเป็น เคาะลีฟะฮ์คนที่สอง (ค.ศ. 634-644 / ฮ.ศ. 13-23) ต่อจากอบูบักร์ อัศศิดดีก และได้รับฉายาว่า "อัล-ฟารูก" หมายถึง ผู้จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ
#ภูมิหลัง การเข้ารับอิสลาม เหตุการณ์ในสมัยเป็นคอลีฟะฮ์ และคุณูปการของท่าน:
ภูมิหลังและชีวิตก่อนเข้ารับอิสลาม
#ท่านมาจากเผ่า บะนูอะดีย์ ซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่า กุเรช ในนคร มักกะฮ์
ท่านมีตำแหน่งทางสังคมที่สูงในเผ่ากุเรช เป็นคนที่มีบุคลิกแข็งกร้าว กล้าหาญ และเป็นที่เคารพยำเกรง
ก่อนเข้ารับอิสลาม ท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่ต่อต้านศาสนาอิสลามและท่านนบีมุฮัมมัดอย่างรุนแรง
#เหตุการณ์สำคัญ:
ท่านเคยตั้งใจจะไป สังหารท่านนบีมุฮัมมัด เนื่องจากไม่พอใจที่ท่านนบีนำศาสนาใหม่มาเผยแผ่และสร้างความแตกแยกในมักกะฮ์
#การเข้ารับอิสลาม
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ:
มีรายงานว่าขณะที่ท่านกำลังจะไปสังหารท่านนบี ท่านได้ทราบข่าวว่าน้องสาวและน้องเขยของท่านได้เข้ารับอิสลามแล้ว ท่านจึงโมโหและไปทำร้ายพวกเขาก่อน
น้องสาวของท่านได้อ่านโองการส่วนหนึ่งของอัลกุรอานให้ท่านฟัง ซึ่งสร้างความประทับใจและเปิดใจท่าน
ท่านจึงเดินทางไปหาท่านนบีมุฮัมมัด และ กล่าวปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม ในปีที่ 6 ของการเผยแผ่ศาสนา (ขณะมีอายุประมาณ 39 ปี)
#ผลกระทบหลังเข้ารับอิสลาม:
การเข้ารับอิสลามของท่านอุมัรทำให้ ศาสนาอิสลามและบรรดามุสลิมเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก และมีเกียรติภูมิ
ท่านเป็นคนแรกที่กล้า ละหมาดอย่างเปิดเผยที่กะอ์บะฮ์ ท่ามกลางสายตาของผู้ปฏิเสธ ทำให้มุสลิมสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ง่ายขึ้น
#เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยเป็นคอลีฟะฮ์ (ค.ศ. 634 - 644)
ท่านอุมัรได้รับตำแหน่งคอลีฟะฮ์ต่อจากอบูบักร์ อัศศิดดีก และเป็นผู้ปกครองที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อิสลาม เหตุการณ์สำคัญในยุคของท่าน:
1. การขยายอาณาจักรอิสลาม (การพิชิตดินแดน)
อาณาจักรอิสลามได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์:
พิชิตจักรวรรดิเปอร์เซีย (ซาสซานิยะห์): ชัยชนะครั้งสำคัญ เช่น ยุทธการอัล-กอดิซิยะฮ์ (Al-Qadisiyyah) ทำให้อิสลามครอบครองอิรักและส่วนใหญ่ของอิหร่าน
#พิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ (โรมันตะวันออก): ชัยชนะเหนือซีเรีย (ยุทธการยัรมูก - Yarmouk), ปาเลสไตน์ และการพิชิตนคร อัล-กุดส์ (เยรูซาเล็ม) ในปี ฮ.ศ. 16 ซึ่งท่านเดินทางไปรับมอบกุญแจเมืองด้วยตนเองอย่างเรียบง่าย
#พิชิตอียิปต์: ภายใต้การนำของ อัมรู บิน อัล-อาศ ทำให้อิสลามครอบครองอียิปต์
2. #การวางรากฐานการบริหารรัฐ
การจัดตั้งระบบการปกครอง: แบ่งอาณาจักรเป็นมณฑลต่าง ๆ และแต่งตั้งข้าหลวงที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถ
#การตั้งศาลยุติธรรม: จัดตั้งตำแหน่ง ตุลาการ (กอฎี) เพื่อดูแลคดีความ โดยแยกอำนาจการตัดสินคดีออกจากผู้ว่าราชการ
#การกำหนดฮิจเราะห์ศักราช (Hijri Calendar): ท่านเป็นผู้ริเริ่มกำหนดให้การอพยพ (ฮิจเราะห์) ของท่านนบีจากมักกะฮ์ไปยังมะดีนะฮ์ เป็นจุดเริ่มต้นของศักราชอิสลาม
#การจัดตั้งสำนักงานบริหาร: เช่น สำนักงานบัญชีกลาง (ดีวานุล มัล - Dīwān al-Māl) เพื่อบันทึกรายได้รายจ่ายของรัฐ และ สำนักงานทะเบียนทหาร (Dīwān al-Jund)
#การจัดระบบไปรษณีย์: เพื่อส่งข่าวสารและคำสั่งระหว่างศูนย์กลางกับมณฑล
คุณูปการ (มรดกที่สำคัญ)
การขยายอาณาเขต: ท่านได้เปลี่ยนรัฐอิสลามเล็ก ๆ ให้กลายเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่ครอบคลุมดินแดนกว้างขวาง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 10 ปี
#ความยุติธรรมและความเสมอภาค: ท่านได้รับการยกย่องสูงสุดในเรื่อง ความยุติธรรม (อัดล์) ท่านให้ความเสมอภาคแก่พลเมืองทุกคน ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา หรือสถานะทางสังคม ดังที่ท่านกล่าวว่า "ฉันมิได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของฉัน เพื่อเฆี่ยนตีพวกท่าน และยึดเอาทรัพย์สินของพวกท่านโดยมิชอบ..."
#การพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม: ท่านริเริ่มการจัดสวัสดิการแก่ผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ เด็กกำพร้า และบรรดามุสลิมที่ร่วมสงคราม โดยการจ่ายเบี้ยหวัด (เงินเดือน) จากคลังของรัฐ
#การสร้างเมืองใหม่: สร้างเมืองที่เป็นศูนย์กลางการทหารและการบริหาร เช่น เมือง ฟุสฏอฏ (Fustat) ในอียิปต์, กูฟะฮ์ (Kūfah) และ บัศร์ (Basra) ในอิรัก
#การกำหนดกฎหมายการปกครอง: ท่านได้วางระเบียบและกฎเกณฑ์ทางการปกครอง การคลัง และการทหาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของรัฐอิสลามในยุคต่อมา
#การถึงแก่กรรม:
ท่านอุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏอบ ถูกลอบสังหารโดยอาบู ลุอ์ลุอะฮ์ (Abū Lu'lu'ah) ทาสชาวเปอร์เซีย ขณะนำละหมาดซุบฮ์ในมัสยิดของท่านนบีที่มะดีนะฮ์ ในปี ฮ.ศ. 23 (ค.ศ. 644)
ชุมพล ศรีสมบัติ รวบรวมนำเสนอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น