รู้จักซอฮาบะฮฺ-ท่านซัลมาน อัล-ฟารีซีย์ (Salman al-Fārisī)

ท่านซัลมาน อัล-ฟารีซีย์ (Salman al-Fārisī) เป็นเศาะหาบะฮ์ (สหาย) คนสำคัญของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) มีประวัติการเดินทางแสวงหาสัจธรรมที่น่าสนใจมากครับ

      ​ประวัติก่อนเข้ารับอิสลาม
​ชื่อเดิมและถิ่นกำเนิด: ชื่อเดิมของท่านคือ รูซเบะฮ์ โคช์นูดาน (Rūzbeh Khoshnudan) ท่านเกิดที่คอเซรูน (Kazerun) หรือเอสแฟฮอน (Isfahan) ในเปอร์เซีย (อิหร่านในปัจจุบัน)
​ชีวิตในวัยเด็ก: บิดาของท่านเป็นผู้นำหมู่บ้าน และรักท่านมากจนกระทั่งขังท่านไว้ในบ้านเหมือนทาส (เพื่อปกป้อง) ท่านอุทิศตนศึกษา ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) ซึ่งเป็นศาสนาบูชาไฟ และได้ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์วิหารไฟ

#การแสวงหาสัจธรรม: วันหนึ่ง บิดาใช้ท่านออกไปดูแลสวนระหว่างที่บิดาติดธุระ ท่านได้พบกับกลุ่มคนที่กำลังสวดวิงวอนอยู่ในโบสถ์คริสต์ (หรือวัดวาอาราม) การปฏิบัติศาสนกิจของพวกเขาทำให้ท่านประหลาดใจและรู้สึกว่าศาสนาของพวกเขานั้นดีกว่าศาสนาของบรรพบุรุษ ท่านจึงตัดสินใจละทิ้งศาสนาเดิม และเดินทางตามหาศาสนาที่แท้จริง

#การเดินทางอันยาวนาน: ท่านได้เดินทางไปยังซีเรีย โมซุล นิซิบิส และอัมมูรียะฮ์ (Anatolian Ammuriya) ท่านได้อยู่รับใช้และศึกษาจากนักบวชคริสต์หลายท่าน โดยแต่ละท่านเมื่อใกล้เสียชีวิตจะแนะนำให้ท่านไปหาคนถัดไป 
       นักบวชคนสุดท้ายที่อัมมูรียะฮ์ได้บอกท่านว่า เวลาของศาสนาของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว และได้ทำนายถึงการมาของท่านศาสดาองค์สุดท้าย ซึ่งจะปรากฏตัวที่ดินแดนอาหรับ ท่านศาสดาผู้นั้นจะมีสัญลักษณ์บางอย่าง เช่น จะรับประทานของขวัญแต่จะไม่รับประทานของที่เป็นทาน (ซะกาต) และจะมีตราประทับแห่งการเป็นศาสดาอยู่ระหว่างบ่า

#การเป็นทาส: ท่านได้ติดต่อไปกับกองพ่อค้าชาวอาหรับเผ่ากัลบ์ โดยแลกกับวัวและแกะที่ท่านมี เพื่อให้พาไปยังดินแดนอาหรับ แต่เมื่อถึงวาดี อัลกุรอ (Wadi al-Qurā) พวกพ่อค้ากลับทรยศและขายท่านเป็นทาสให้กับชาวยิว จนกระทั่งท่านถูกขายต่อให้กับญาติของอะบู สุฟยาน และถูกนำตัวไปยังนครมะดีนะฮ์

#ประวัติหลังเข้ารับอิสลาม
​พบกับท่านศาสดา: เมื่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อพยพมาถึงมะดีนะฮ์ ท่านซัลมานได้พบกับท่านศาสดา และได้ตรวจสอบสัญลักษณ์ต่างๆ ตามคำแนะนำของนักบวชคริสต์คนสุดท้าย และพบว่าทุกอย่างเป็นจริง ท่านจึงประกาศเข้ารับอิสลาม

#สถานะความเป็นอิสระ: ท่านศาสดาได้ช่วยให้ท่านซัลมานเป็นอิสระจากการเป็นทาส โดยให้ท่านซัลมานทำสัญญาปลดปล่อยตัวเอง (Kitabah) และท่านศาสดาได้ช่วยชำระหนี้ให้กับเจ้านายของท่าน

#ตำแหน่งและสถานะ:
​ท่านเป็นที่รู้จักในนาม ซัลมาน อัล-ฟารีซีย์ (Salman al-Fārisī) หมายถึง ซัลมานชาวเปอร์เซีย
     ​ท่านศาสดาเรียกว่า "เป็นคนในครอบครัวของเรา" (Min Ahli Al-Bayt) เมื่อชาวมุฮาญิรีนและชาวอันศอรต่างอ้างว่าท่านเป็นพวกของตนในสงครามสนามเพลาะ (อัล-ค็อนดัก) แสดงให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งและเป็นที่รัก

       ​ท่านอะบู ฮุร็อยเราะฮ์ ยกย่องท่านเป็น "อะบู อัลกิตาบัยน์" (บิดาแห่งสองคัมภีร์: ไบเบิลและอัลกุรอาน)
      ​ท่านอาลี (ร.ฎ.) ยกย่องท่านเป็น "ลุกมาน อัล-ฮะกิม" (ลุกมานผู้ฉลาด)
     ​ท่านมักจะตอบว่า "ข้าคือซัลมาน บุตรแห่งอิสลามจากลูกหลานของอาดัม" เมื่อถูกถามถึงบรรพบุรุษ

#เหตุการณ์สำคัญที่น่าสนใจเกี่ยวกับท่าน
      ​#สงครามสนามเพลาะ (อัล-ค็อนดัก - The Battle of the Trench):
​นี่คือเหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดของท่าน ท่านซัลมานเป็นผู้เสนอความคิดให้ ขุดสนามเพลาะ รอบมะดีนะฮ์เพื่อป้องกันการโจมตีของกองทัพพันธมิตร (Al-Ahzab) ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ไม่เคยใช้ในอาหรับมาก่อน แต่เป็นที่รู้จักในเปอร์เซีย
​ความคิดนี้ได้รับการยอมรับและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มุสลิมได้รับชัยชนะในการตั้งรับครั้งนั้น

#ความรู้กว้างขวาง: ท่านเป็นผู้รอบรู้ในคัมภีร์ก่อนหน้า (ไบเบิล) และยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในอัลกุรอานอย่างลึกซึ้ง
​การดำรงชีวิตที่สมถะ: ในช่วงบั้นปลายชีวิต ท่านได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าการเมืองอัล-มะดาอิน (Al-Mada'in) ใกล้แบกแดด แต่ท่านยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มักจะมอบเงินเดือนส่วนใหญ่ให้แก่ผู้อื่น และดำรงชีวิตด้วยการสานตะกร้า
#ท่านซัลมาน อัล-ฟารีซีย์ จึงเป็นแบบอย่างของผู้แสวงหาสัจธรรมที่ยอมละทิ้งฐานะความเป็นอยู่เดิม และยืนหยัดต่อสู้เพื่อความศรัทธาที่แท้จริงจนกระทั่งพบอิสลาม และมีบทบาทสำคัญในการปกป้องและสร้างความเข้มแข็งให้แก่อิสลามในยุคแรกเริ่ม

ชุมพล ศรีสมบัติ รวบรวมนำเสนอ

ความคิดเห็น