และเป็นหนึ่งในสิบคนที่ได้รับข่าวดีว่าจะได้เข้าสวรรค์ (อัล-อะชะเราะห์ อัล-มุบัชชะเราะห์) ท่านมีชื่อเสียงในฐานะ "อะมีน อัล-อุมมะฮ์" (ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจแห่งประชาชาติ) ซึ่งเป็นฉายาที่ท่านนบีมอบให้
#ภูมิหลัง
ตระกูล: อบู อุบัยดะห์มาจากตระกูล บะนู อัล-ฮาริษ บิน ฟิฮรฺ แห่งเผ่า กุเรช ในนครมักกะฮ์
#สถานะเดิม: ก่อนการเข้ารับอิสลาม ท่านถือเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของกุเรช และมีชื่อเสียงในด้านความอ่อนน้อมถ่อมตนและความกล้าหาญ
การเข้ารับอิสลาม
#ช่วงเวลา: ท่านเข้ารับอิสลามในช่วงต้นของการเผยแผ่ศาสนาในมักกะฮ์
#การนำทาง: ท่านเข้ารับอิสลามเพียงหนึ่งวันหลังจากอบูบักรฺ อัศศิดดีก (เคาะลีฟะฮ์องค์แรก) โดยการแนะนำของอบูบักรฺ ซึ่งได้นำท่านพร้อมด้วยคนอื่น ๆ อีกหลายคนไปหาท่านนบีมุฮัมมัด เพื่อประกาศการเข้ารับอิสลามร่วมกัน
#การอพยพ: ท่านเผชิญกับความยากลำบากและการกดขี่ในมักกะฮ์เช่นเดียวกับมุสลิมกลุ่มแรก ๆ ท่านได้อพยพไปยัง อะบิสซิเนีย (เอธิโอเปีย) และต่อมาได้อพยพไปยัง มะดีนะฮ์ พร้อมกับท่านนบีมุฮัมมัด (ฮิจเราะฮ์)
#บทบาทและความสำคัญ
1. ความไว้วางใจและคุณธรรม
ฉายา "อะมีน อัล-อุมมะฮ์": ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้มอบฉายาอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ท่าน โดยกล่าวว่า "แท้จริงทุกประชาชาติมีผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจแห่งประชาชาตินี้คือ อบู อุบัยดะห์ บิน อัล-ญัรเราะห์" ซึ่งสะท้อนถึงความซื่อสัตย์สุจริต ความยุติธรรม และความถ่อมตนของท่าน
#คุณลักษณะ: ท่านเป็นที่เลื่องลือในเรื่องของความอ่อนน้อมถ่อมตน ความยุติธรรม และความจงรักภักดีต่ออิสลามอย่างแท้จริง
2. บทบาททางทหารและการบัญชาการ
#การเข้าร่วมสงคราม: ท่านมีส่วนร่วมในสงครามสำคัญ ๆ แทบทุกครั้งในสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด รวมถึง สงครามบะดัร และ สงครามอุฮุด
#สงครามอุฮุด: ท่านแสดงความกล้าหาญอย่างยิ่งเมื่อมุสลิมเพลี่ยงพล้ำ โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มสิบคนที่เข้าล้อมคุ้มกันท่านนบี ท่านถึงกับยอมให้ฟันหน้าสองซี่ของท่านหักเพื่อใช้ปากดึงห่วงเหล็กสองอันจากหมวกเกราะที่ฝังอยู่ในแก้มของท่านนบีออก เพื่อไม่ให้ท่านนบีได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากการใช้มือดึง
#ผู้บัญชาการทหาร:
ในสมัยของเคาะลีฟะฮ์อบูบักรฺและอุมัรฺ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารของกองทัพมุสลิมในปฏิบัติการพิชิต ซีเรีย (อัช-ชาม)
ท่านเป็นผู้นำกองทัพที่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดใน สงครามยัรมูก (Battle of Yarmouk) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพิชิตซีเรียจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ และต่อมาท่านก็เป็นผู้บัญชาการที่ทำให้มีการพิชิตนคร ดามัสกัส ได้สำเร็จ
3. #บทบาททางการเมือง
ผู้สืบทอดที่ถูกเสนอชื่อ: ในช่วงที่ท่านนบีมุฮัมมัดเสียชีวิต ท่านเป็นหนึ่งในสามบุคคลที่อบูบักรฺ อัศศิดดีก เสนอชื่อให้แก่ชาวอันศอร (ชาวมะดีนะฮ์) พิจารณาเป็นเคาะลีฟะฮ์ (ผู้นำ)
ทางเลือกของเคาะลีฟะฮ์อุมัรฺ: ท่านเคาะลีฟะฮ์อุมัรฺ บิน อัล-ค็อฏฏอบ กล่าวว่า หากท่านเสียชีวิตและอบู อุบัยดะห์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะแต่งตั้งอบู อุบัยดะห์เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณสมบัติความเป็นผู้นำและความซื่อสัตย์ของท่าน
#จุดจบ
การเสียชีวิต: ท่านเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 18 (ค.ศ. 639) จาก โรคระบาดอัมวาส (Plague of Amwas) ในซีเรีย ขณะที่ท่านยังเป็นผู้บัญชาการทหารและผู้ว่าราชการของภูมิภาคอัช-ชาม (ซีเรีย) ท่านสิ้นชีวิตขณะกำลังดูแลให้ความช่วยเหลือผู้คนจากโรคระบาดดังกล่าว
ท่านอบู อุบัยดะห์ บิน อัล-ญัรเราะห์ จึงเป็นแบบอย่างของนักรบผู้กล้าหาญ ผู้นำที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรม และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงสุดในประชาชาติอิสลามยุคแรกเริ่ม
ชุมพล ศรีสมบัติ รวบรวมนำเสนอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น