วาระสุดท้ายของนบีมูฮัมหมัด ศ๊อลฯ คำสั่งเสีย ภาพอันสุดแสนสะเทือนใจในการจากดุนยา


#ลมหายใจสุดท้ายของท่านนบี(ศ็อลฯ)

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

ท่านนบี (ศ็อลฯ) ได้กล่าวแก่บรรดาซอฮาบะฮฺ ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
       โอ้ !! อุมมะฮฺของฉัน เราทั้งหลายต่างอยู่ในอำนาจของอัลลอฮฺ และอยู่ในเราะมะฮฺ (ความเมตตา) จากพระองค์
        ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงให้การตออัต (เชื่อฟัง) และตะวักกัล (มอบหมาย) แด่..พระองค์เถิด...
       ฉันได้มอบ 2 สิ่งนี้ให้กับท่านทั้งหลาย คือ..อัลกุรอาน และ ซุนนะห์ ของฉัน ก็หมายความว่าผู้นั้นมีความรักต่อฉัน พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์พร้อมกับฉัน.
        คุตบะฮฺ สั้นๆ  อันเปลี่ยมด้วยคุณค่า มหาศาล ได้จบลงด้วยสายตาของท่านนบี (ศ็อลฯ) ที่ได้เหลียวมองไปยังสายตาของซอฮาบะฮฺทุกท่าน
         ท่านอบูบักรก็ได้มองไปยังใบหน้า ดวงตาของท่านนบี (ศ็อลฯ) อย่างจดจ่อ
       ท่านอุมัร อัลค็อตฏ็อบ กลั้นความรู้สึกและน้ำตาเอาไว้
        ท่านอุษมาน ได้ถอนหายใจ...ส่วนท่านอาลี ก็ก้มหน้าลง..
         สัญญานได้มาถึงแล้ว...ท่านนบี (ศ็อลฯ) กำลังจะจากเราไป  ท่านอาลีได้เข้ามาโอบประคองท่านนบี (ศ็อลฯ) ลงจาก มิมบัรเพื่อพาท่านนบี (ศ็อลฯ) กลับเข้าบ้าน
         ดวงอาทิตย์เริ่มสูงขึ้น แต่...ประตูบ้านของท่านนบี ซ.ล. ยังคงปิดอยู่  ท่านนบี (ศ็อลฯ) กำลังนอนด้วยความอ่อนเพลีย ซึ่งสังเกตได้จากคิ้วของท่าน...ที่นอนของท่านซึ่งเป็นเสื่อที่ทำจากก้านใบอินทผาลัม ก็เริ่มเปียกด้วยเหงื่อที่ใหลออกมาจากร่างของท่าน.

       ●ในขณะนั้นก็มีเสียงเรียกจากนอกประตูบ้าน.. อัสลามุอะลัยกุม ให้ฉันเข้าไปได้มัย ? แต่ท่านหญิงฟาติมะฮฺ (บุตรี) ก็ไม่ยินยอมให้เข้ามา.. 
       วาอะลัยกุมุสลาม..ต้องขอมาอัปด้วยพ่อของฉันกำลังป่วย ท่านหญิงฟาติมะฮฺ ได้กล่าวพร้อมกับปิดประตู และกลับมาอยู่เคียงข้างท่านนบี (ศ็อลฯ) ตามเดิม...
         ท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ได้ลืมตา และถามท่านหญิงฟาติมะฮฺว่า....ใครมาหรือลูก ?  
        ท่านหญิงฟาติมะฮฺก็ได้กล่าวตอบอย่างอ่อนโยนแก่ท่านนบี (ศ็อลฯ) ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันท่านพ่อ และรู้สึกว่าฉันเพิ่งจะเคยเห็นนี้ละ...
         ท่านนบี (ศ็อลฯ) จึงได้จ้องมองบุตรีของท่านด้วยแววตาแห่งความห่วงใยเหมือนกับว่า..จะไม่ได้มองหน้าของบุตรีของท่านอีกต่อไปแล้ว และท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ได้กล่าวกับท่านหญิงฟาติมะฮฺว่า..
       "ลูกรู้ไหม ชายผู้นั้น ความจริงแล้ว เขาคือ..ผู้ที่จะมาลบล้างความสุขอันชั่วคราวทั้งหลาย. เขาคือ..ผู้ที่จะมาพลัดพรากจากการพบกันใน ดุนยา เขา..คือ..ท่านมลาอิกัลเมาต์ นั้นเอง"
       ท่านหญิงฟาติมะฮฺถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ ทันใดนั้นมลาอิกัลเมาต์ก็ได้เข้าใกล้ชิดตัวของท่านนบี (ศ็อลฯ) แต่ท่านนบี (ศ็อลฯ) ถามท่านมลาอิกัลเมาต์ว่า..
       ทำไมญิบรีล ไม่มาด้วยละ ? 
       หลังจากนั้นมลาอิกะฮฺญิบรีล ก็ได้ถูกเชิญมาด้วย ซึ่งความจริงแล้ว.มลาอิกะฮฺญิบรีลเตรียมพร้อมก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อที่จะรับวิญญาณของผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของ อัลลอฮฺ..และมลาอิกัลเมาต์ ก็ได้บอกกับท่านนบี (ศ็อลฯ) ว่า 
       วันนี้ฉันได้รับคำสั่งให้มาเอาวิญญาณของท่าน หากท่านพร้อม ฉันก็จะเอา หากท่านไม่พร้อมฉันก็จะกลับไปทูลต่ออัลลอฮฺ      

       แล้วท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็มองหน้าท่านญิบรีล เพื่อขอคำปรึกษา ท่านญิบรีลก็ได้บอกว่า..อัลลอฮต้องการพบท่านในวันนี้. ท่านนบี ซล. ก็พยักหน้า.
        หลังจากนั้น..ท่านนบี (ศ็อลฯ) ได้ถามญิบรีลด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย ญิบรีล...ได้โปรดบอกฉันหน่อยว่า..ฉันมีสิทธิอะไรบ้างเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของอัลลอฮฺ
          ญีบรีลก็จึงได้ตอบว่า.."บรรดาประตูในฟากฟ้า ทั้งหลายก็จะถูกเปิดออก บรรดามลาอิกะฮฺทั้งหลายกำลังเฝ้าคอยดวงวิญญาณของท่าน...สวรรค์ทั้งหมดได้ถูกเปิดกว้างเพื่อรอคอยการมาของท่าน"
        คำตอบของญิบรีลก็ไม่ได้ทำให้ท่าน
นบี (ศ็อลฯ) หมดความกังวลแต่อย่างใด ญิบรีลจึงได้ถามท่านนบี ซล.ว่า...
       "โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านยังไม่รู้สึกสบายใจกับข่าวนั้นหรือ ? 
       ท่านนบี ซ.ล. จึงได้ถามญิบรีลอีกว่า...แล้วอุมมะฮฺของฉันละ..พวกเขาจะมีชะตากรรมอย่างไรบ้าง ?
        ญิบรีลได้ตอบว่า...ท่านไม่ต้องห่วงหรอกโอ้ ท่านรอซูลุลลอฮฺ..ฉันได้ยินอัลลอฮฺทรงตรัสแก่ฉันว่า...ข้าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าสวรรค์ก่อน ยกเว้นอุมมะฮฺของมุฮัมมัดเท่านั้นจะเข้าไปได้..
        เวลาก็ใกล้เข้ามาเต็มที่..มลาอิกะฮฺ
อิสรออีลทำหน้าที่ดึงวิญญาณของท่าน
นบี (ศ็อลฯ) ด้วยความนิ่มนวล ทันใดนั้นร่างของนบี (ศ็อลฯ) ก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่ใหลออกมา และท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ได้พูดกับญิบรีลด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา...
       "โอ้ญิบรีล ช่างเจ็บปวดเหลือเกินขณะวิญญาณออกจากร่าง" (ซะกาเราะตุลเมาต์)...
         ท่านหญิงฟาติมะฮฺ ถึงกับหลับตา..ท่านอาลี ซึ่งอยู่เคียงข้างในเวลานั้นก็ก้มหน้าลง ญิบรีลก็ได้ผินหน้าออกไป ทันใดนั้น..
         ท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ได้เอ่ยกับญิบรีลว่า...หน้าของฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรอ ? จึงทำให้ท่านต้องผินหน้า ออกไป โอ้ญิบรีล      

        ญิบรีล ก็ได้ตอบกับท่านนบี (ศ็อล) ว่า...จะมีใครกล้ามองใบหน้าของผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ ซึ่งกำลังถูกดึงวิญญาณออกด้วยความเจ็บปวด...อันแสนทรมานของท่านนบี (ศ็อลฯ) 
       "#โอ้อัลลอฮฺ #ความตายนี้ช่างเจ็บปวดและทรมาน เหลือเกิน #ขอให้ความเจ็บปวดนี้ให้ถูกกับฉันคนเดียว #อย่าให้อุมมะฮฺของฉันต้องเจ็บปวดแบบนี้เลย"
         จากนั้น ร่างของนบี (ศ็อลฯ) ก็เริ่มเย็นลง เท้าและมือก็..หยุดนิ่งหน้าอกของท่านนบี ซ.ล. ก็หยุดการเคลื่อนไหว ริมฝีปากของท่านขยับ เหมือนกับจะกระซิบบอกอะไรบางอย่าง
        ทันใดนั้น..ท่านอาลี ก็ได้เอาหูเข้าไปชิดเพื่อฟังท่านนบี (ศ็อลฯ) ซึ่งท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ได้สั่งเสียว่า"#จงรักษาการละหมาดและดูแลบรรดาผู้ที่อ่อนแอในหมู่พวกท่าน.".

ด้านนอกประตูก็ได้ยินเสียงโห่ร้อง
เหล่าบรรดาซอฮาบะฮฺต่างได้กอดกันด้วย น้ำตานองหน้า...
        ท่านหญิงฟาติมะฮฺ ได้เอามือปิดหน้า.. และท่านอาลีก็ได้เอาหูเข้ามาใกล้ชิดกับริมฝีปากของท่านนบี (ศ็อลฯ) อีกครั้ง และคำพูดสุดท้าย...ที่ออกจากปากของท่านนบี (ศ็อลฯ) ในเวลานั้นก็คือ...     

     #อุมมะตี #อุมมะตี #อุมมะตี.  ประชาชาติของฉัน ประชาชาติของฉัน  ประชาชาติของฉัน..

      ดูสิวาระสุดท้ายของท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ยังเป็นห่วงอุมมะฮฺของท่าน และในวันกิยามะฮฺ ท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ยังพร้อมที่จะ ชาฟาอะฮฺ ช่วยเหลืออุมมะฮฺของท่านให้ได้เข้าสวรรค์อีก..อย่าลืมซอลาวาต ท่านนบีให้มาก.
(Maolana Toriq Yamil)

Cr. Shaykh Mahmud

ความคิดเห็น