ในอิสลาม มีกลุ่มอะชาอิเราะห์ กลุ่มสายเก่า ในประเทศไทย กับกลุ่มวาฮาบี หรือที่เรียกเองว่า สลัฟ แตกต่างกันอย่างไร?

อะชาอิเราะห์และวะฮาบี (หรือสะลัฟ) เป็นสองกลุ่มหลักในศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ (อะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) ที่มีความแตกต่างกันในด้านหลักศรัทธา (อะกีดะฮ์) และการตีความคำสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคุณลักษณะของอัลลอฮ์

​อะชาอิเราะห์ (Ash'ari)

​กลุ่มนี้มีแนวคิดที่ยึดหลักการตีความแบบใช้เหตุผล (กะลาม) เพื่อทำความเข้าใจคุณลักษณะของอัลลอฮ์ โดยเฉพาะคุณลักษณะที่ปรากฏในอัลกุรอาน เช่น "พระหัตถ์ของอัลลอฮ์" หรือ "อัลลอฮ์ประทับบนบัลลังก์"

อะชาอิเราะห์จะตีความคำเหล่านี้ในเชิงเปรียบเทียบหรือเชิงอุปมาอุปไมยเพื่อไม่ให้มีความหมายที่คล้ายคลึงกับสิ่งถูกสร้าง เช่น

  • "พระหัตถ์ของอัลลอฮ์" จะถูกตีความว่าหมายถึง อำนาจ หรือ ความสามารถ
  • "อัลลอฮ์ประทับบนบัลลังก์" จะถูกตีความว่าหมายถึง อำนาจการปกครอง หรือ การควบคุม อะชาอิเราะห์จึงเชื่อว่าอัลลอฮ์ไม่มีอวัยวะหรือส่วนใดๆ ที่จะมาเปรียบเทียบกับมนุษย์ได้ และไม่ได้อยู่ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งบนโลกนี้

​วะฮาบี หรือ สะลัฟ (Wahhabi / Salafi)

​กลุ่มนี้มีแนวคิดที่เคร่งครัดและเน้นการกลับไปสู่หลักคำสอนดั้งเดิมของบรรพชนยุคแรกเริ่มของอิสลาม (อัล-สะลัฟ อัศ-ศอลิหฺ) พวกเขาปฏิเสธการใช้ตรรกะหรือปรัชญาในการตีความ และจะยึดตามความหมายที่ปรากฏในอัลกุรอานและหะดีษอย่างตรงไปตรงมา

สะลัฟเชื่อว่า

  • คุณลักษณะของอัลลอฮ์ เช่น พระหัตถ์ ดวงตา การประทับบนบัลลังก์ มีอยู่จริงตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์ โดยที่พวกเขาจะ ไม่ตั้งคำถามว่า "อย่างไร?" (Bilā Kayfa) และ ไม่เปรียบเทียบกับสิ่งถูกสร้าง พวกเขาเชื่อว่าอัลลอฮ์มีคุณลักษณะเหล่านี้ในรูปแบบที่สมบูรณ์แบบและไม่มีใครเหมือน ซึ่งต่างจากอะชาอิเราะห์ที่ตีความในเชิงเปรียบเทียบ
  • การปฏิบัติศาสนกิจ เน้นการละเว้นจากสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น บิดอะฮ์ (สิ่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในศาสนา) เช่น การเฉลิมฉลองวันเมาลิด (วันเกิดของท่านนบีมูฮัมหมัด), การขอพรจากผู้ที่เสียชีวิตในกุโบร์ (สุสาน) หรือการสร้างสิ่งปลูกสร้างบนหลุมศพอย่างวิจิตร ซึ่งอะชาอิเราะห์และมุสลิมสายซุนนีส่วนใหญ่บางกลุ่มมองว่าสามารถกระทำได้

​ในประเทศไทย อะชาอิเราะห์มักจะถูกเรียกว่าเป็น "กลุ่มสายเก่า" หรือ "กลุ่มมัซฮับชาฟิอีย์" เนื่องจากหลักการของอะชาอิเราะห์เป็นที่ยอมรับและเผยแพร่มาอย่างยาวนาน ส่วนวะฮาบีมักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มสลัฟ" ซึ่งเป็นชื่อที่พวกเขาใช้เรียกตัวเองเพื่อบ่งบอกถึงแนวทางที่ยึดมั่นในแบบฉบับของบรรพชนในอดีตนั่นเอง

ความคิดเห็น