สงครามวัฒนธรรม บนโลกแห่งนักล่าอาณานิคม

 สงครามวัฒนธรรม บนโลกแห่งนักล่าอาณานิคม

โดย ศ.ดร.อิศรา  ศานติศาสตร์

     บทความนี้ น่าสนใจ ซึ่งโพสต์ผ่านไทม์ไลน์ของ อ.อิศรา  เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจในมุมคิดของนักล่าอณานิคมกับวิธีการปั่นหัวชาวโลก อย่างไร? อ่านกันครับ

          ศ.ดร.อิศรา  ศานติศาสตร์

     #หลายปีมาแล้ว ผมเคยเขียนเรื่องสงครามวัฒนธรรมที่เริ่มจากนิทานเรื่องแจ๊กกับต้นถั่ว หรือแจ๊กผู้้ฆ่ายักษ์ ที่ถูกเล่า ถูกใช้หล่อหลอมความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในโลกตะวันตกว่าการล่าอาณานิคม การเดินทางไกลไปปล้นฆ่า แย่งชิงทรัพยากรของคนเผ่าพันธ์อื่นในต่างแดน เป็นการกระทำที่ชอบธรรม หรือการสร้างภาพวายร้ายให้กับชนชาติต่าง ๆ เริ่มจากเยอรมัน จีน จนถึงอาหรับและโลกมุสลิมในหนังฮอลลีวู้ด ที่ทำให้การก่อสงคราม รุกราน และปล้นชิงทรัพยากรจากประเทศเหล่านั้น เป็นการกระทำที่ชอบธรรมในสายตาของประชาชนในประเทศของผู้รุกราน

ถึงวันนี้สงครามวัฒนธรรมก็ยังไม่จบ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้จะเปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยนประเด็นไปบ้างก็ตาม

ที่เห็น ๆ คือภาพยนต์ตะวันตกหลายเรื่องที่ให้ภาพของพระเจ้าว่าเป็นเพียงมนุษย์ต่างดาว ที่มีเกิด มีแก่ และจะฆ่าให้ตายก็ได้ ตัวอย่างของภาพยนต์ในกลุ่มนี้คือ ภาพยนต์เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว สงครามระหว่างดวงดาว หรือสงครามระหว่างเทพเจ้าในตำนานของชนชาติต่าง ๆ 

วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้า ไม่ศรัทธาในศาสนา มองเรื่องราวและคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เป็นเพียงนิยายปรัมปรา ซึ่งจำนวนกำลังขยายตัวเพิ่มไปทั่ว ทั้งในต่างประเทศและในไทย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายองค์กรศาสนาต่าง ๆ 

ภาพยนตร์อีกกลุ่มหนึ่ง เช่น ผีดิบซอมบี้ สร้างความเคยชินให้กับสังคมเกี่ยวกับการติดเชื้อและการแพร่เชื้อไวรัส ที่หลุดออกจากห้องทดลอง ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ทำให้มีผู้ที่ติดเชื้อและเป็นพาหะอยู่ทั่วไปในสังคม ผู้ที่ติดเชื้อเป็นเหมือนผีดิบที่ต้องถูกกำจัดโดยการฆ่าทิ้ง ผู้คนจำนวนหนึ่งเข่นฆ่ากันเอง จำนวนหนึ่งต้องหนีตาย ไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เผ่าพันธุ์มนุษย์ใกล้ล่มสลาย

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า เหยื่อรายสำคัญของทุกวิกฤติคือ Racism เพียงเพราะการระบาดเริ่มที่ประเทศจีน ในวันนี้ เราได้เห็นความเกลียดชังคนเอเซียในโลกตะวันตก ผู้คนทำร้ายกันโดยไม่มีสาเหตุอื่นนอกจากว่าฝ่ายที่ถูกทำร้ายหน้าตาเป็นจีน เป็นคนเอเซียตะวันออกหรือมีเชื้อสายเอเซียตะวันออก ฝ่ายที่ลงมือทำร้ายมีทั้งที่เป็นคนผิวขาว และคนผิวสีที่ตนเองก็ถูกเหยียดหยามกดขี่อยู่แล้ว

ยังอีกนาน กว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสงบ ได้แต่หวังว่าเรื่องเลวร้ายเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในบ้านเรา...