"เจ้าจะมีชื่อว่า อาดัม"
นั่นเป็นการรับรู้ครั้งแรกของสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่ถูกเรียกว่า "มนุษย์"
มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีการรับรู้เรียนรู้ได้อย่างมีเหตุผลทางชีวะ ผ่านวัตถุที่เป็นของเหลว ของแข็งและกึ่งแข็งและเหลวที่ถูกเรียกในเวลามาว่า น้ำ เลือด เนื้อ กระดูก เส้นประสาท สมอง และชื่อต่างๆอีกมากมาย ที่ใช้เรียกส่วนใหญ่และส่วนปลีกย่อยที่ประกอบกันเป็นร่างกายมนุษย์ ที่พระเจ้าสร้างมันขึ้นมา
ดินเป็นวัตถุธาตุที่ถูกกล่าวถึงว่าพระเจ้าได้นำมาเป็นมวลธาตุพื้นฐานในการสร้างมนุษย์ และเพียงง่ายๆ พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอำนาจแห่งทุกสิ่งได้กล่าวแก่ดินนั้นว่า "จงเป็น" แล้วดินก็กลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์ทุกประการ ซึ่งพระองค์ได้ทรงอ้างสิทธิ์เหนือทุกสิ่งที่มนุษย์รู้จักและไม่รู้จักว่าอยู่ภายใต้อำนาจแห่งการสร้างสรรค์และทำลายของพระองค์ โดยไม่มีสิ่งใดร่วมรับรองหรือเป็นภาคีในการสร้างและทำลายทำใดๆร่วมกับพระองค์ นอกจากการรับรองสิทธิของพระองค์ด้วยพระองค์เอง ซึ่งพระองค์ทรงเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเพียงพอแก่การยืนยันต่อสรรพสิ่งทั้งผองแล้ว
พระองค์ได้แสดงการยืนยันนั้นด้วยการบัญชาให้เหล่าทวยเทพตั้งคำถามต่อพระองค์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์จะตอบ ทั้งๆที่เหล่าทวยเทพที่พระองค์ทรงสร้างก่อนหน้ามนุษย์นั้น หาได้มีข้อเคลือบแคลงสงสัยในอำนาจใดๆของพระองค์ไม่ เพราะความคิดในการสงสัยและการตัดสินใจมิได้ถูกบรรจุไว้แก่ทวยเทพเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงสร้างทรงกำหนดให้แก่เหล่าเทพเทวาทูตสวรรค์
เหล่าเทพเทวานั้นถูกสร้างมาให้มีจิตที่ผ่องแผ้วกระจ่างใสในศรัทธาและพร้อมที่จะรับใช้ตามบัญชาของพระองค์โดยไม่มีบกพร่องเท่านั้น
แต่ทูตสวรค์ก็ได้บันทึกการสนทนาที่พระองค์ทรงให้สนทนานั้นไว้ ตามบัญชาของพระองค์ เพื่อเป็นหลักฐานให้มนุษย์ได้รับรู้เรื่องราวก่อนการเกิดของอาดัม และได้รู้ถึงพระประสงค์แห่งการสร้างมนุษย์ของพระองค์ แล้วเหล่าทวยเทพอาลักษ์ก็เก็บบันทึกนั้นไว้ในที่อันสูงส่ง เพื่อรอเวลาที่จะนำมันกลับมาให้แก่มนุษย์รุ่นหลังที่สงสัยในการเกิดของพวกเขา
"ดูเหมือน อาดัม เจ้ามนุษย์คนแรกนั้น จะไม่ได้สนใจใส่ใจหรือสงสัยในการเกิดมาของมันเลย ว่ามันเกิดมาอย่างไร หรือทำไม? มันเพียงแต่เดินไปเดินมาอยู่คนเดียวโดยมิได้มีภารกิจใดๆ มันเพียงแต่ประจักษ์ชัดว่า พระเจ้าทรงสร้างมันมา แค่นั้น ใช่แค่นั้นจริงๆ ที่ทำให้มนุษย์หยุดการสงสัยทุกประการ มันเห็นและมันรู้สึกว่าอยู่ใกล้พระเจ้าเสมอ และพระองค์ได้ทรงดูแลมันให้อยู่ในพระเมตตาของพระองค์อันอบอุ่นอย่างไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน
" ฉันจะไปไหน? เพราะอะไร? ไม่ใช่สิ่งที่มันฉุกคิด หรือเคยมีคำถามในตัวมันเลย ทำไมฉันพูดได้ แต่ทำไมไม่มีสิ่งใดพูดโดยผ่านระบบเสียงที่ใช้การสั่นสะเทือนผ่านอากาศโดยเป็นเหตุเป็นผลเหมือนกับฉัน ทุกอย่างที่อยู่รอบฉัน ไม่ว่าจะเห็นเหล่าทวยเทพ จิตภูติหรือแม้แต่พระเจ้า ก็มิได้สนทนาด้วยกฏเกณฑ์เดียวกับฉัน แต่เขาเหล่านั้นต่างก็เข้าใจกันและกันและเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด แม้พวกเขาจะไม่มีร่างหรือหูเพื่อรับฟังก็ตาม" หากเป็น ข้า ...ข่าคงสงสัยอย่างมากมาย
แต่มัน..ไม่เคยสงสัยอะไรเลย อย่างนี้นะหรือมนุษย์ที่พระเจ้าทรงบอกว่าพระองค์ได้ทรงสร้างมันมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ภาษาคืออะไร ตอนนั้นมนุษย์มันยังไม่รู้จักคำนี้เลย เพราะตอนนั้นทุกอย่างต่างก็สื่อสารกันโดยเจตนาแห่งจิตเท่านั้น แม้แต่คำว่าจิต ก็ยังคงไม่มีความจำเป็นที่ต้องรู้จัก
เพราะไม่มีสิ่งใดต้องการคำอธิบายหรือขยายความ"
" ดูเหมือนจะมีเพียงอาดัมเท่านั้น ที่เป็นวัตถุสมบูรณ์แบบทั้งทางจิตและกายภาพสรีระ ทุกอย่างในร่างกายสัมพันธ์กันอย่างเป็นเหตุผล ทุกครั้งที่ขยับตัว กระพริบตาหรืออ้าปากพูด ดูมันจะมีความงดงามไปหมดเป็นการเคลื่อนไหวที่มีเจตจำนงค์ มีจุดเริ่มต้น มีความเป็นจริงที่เป็นปัจจุบัน และคาดหวังในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม และทิ้งการกระทำให้เป็นกรรมที่ถูกบันทึกไว้กับเวลาอย่างเป็นระเบียบ มีเหตุผลแห่งความคิดและการเคลื่อนไหว มีอิสระและบริสุทธิ์ และที่สำคัญคือ มันสร้างสรรค์ได้
ใช่...ดูเหมือนเจ้าวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นมาจากดินนี้ มันช่างวิเศษซะเหลือเกิน และพระเจ้าก็ทรงมอบความมหัศจรรย์ในเหตุผลนาๆชนิดให้แก่มัน และมนุษย์ยังใช้ประโยชน์จากสิ่งที่พระเจ้าสร้างไว้เพื่อตอบสนองเจตนาของมันเองได้ ด้วยปัญญาที่พระเจ้าทรงมอบให้ไม่มีใครหรือสิ่งใดเลย ที่จะมีปัญญาสร้างสรรค์สิ่งที่พระเจ้าสร้างให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ นอกจากมนุษย์"
ซาตาน เป็นสภาวะสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างให้มีสภาวะจิตเพียง
อย่างเดียวแต่หามีสรีระเชิงวัตถุไม่ มันเฝ้ามอง อาดัม อยู่ด้วยความรู้สึก
ที่มันเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าความอิสระในความคิดของมันที่พระเจ้ามอบให้
จะสร้างความรู้สึกมากมาย ต่อวัตถุมีชีวิตสิ่งใหม่อย่างนี้
"แต่ใครเล่าจะกล้าไม่พอใจในพระเจ้าได้เล่า ก็ในเมื่อพระองค์ทรงอำนาจเด็ดขาดครอบคลุมเสียขนาดนั้นไปซะทุกเรื่อง"
มันจะทำร้ายอาดัมได้อย่างไรก็ในเมื่อพระเจ้าประกาศที่จะปกป้องดูแลมนุษย์คนแรกที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น สายตาของมันยังจับจ้องไปที่อาดัมผู้เดินไปเดินมาอย่างสุขสำราญในสวนแห่งสวรรค์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นอย่างไม่ใส่ใจแยแสต่อเจ้าซาตาน ซึ่งทั่วทั้งจักรวาล ต่างก็รู้ว่าพระเจ้าทรงกริ้วโกรธมัน และขับไล่มันออกจากความเมตตาของพระองค์ มันเป็นสิ่งเดียวที่พระเจ้าประกาศบอกทั่วสากลจักรวาลว่า
"เจ้าจงออกไปจากความเมตตาของข้า"
ในครั้งนั้นเหล่าทวยเทพ จิตภูตทั้งหลายที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับซาตาน หรือแม้แต่ดวงอาทิตย์หรือกลุ่มดาวฤกษ์ดาวเคราะห์และทุกสรรพสิ่งทั้งน้อยใหญ่ ต่างตกตลึงและก้มกราบกรานต่อพระเจ้า และร้องขอความเมตตาจากพระองค์เป็นเสียงเดียวกันว่า
"ขอพระองค์ทรงโปรดอย่าได้กระทำต่อเหล่าข้าพระองค์เช่นนั้นเลย
ทรงโปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในพระเมตตาของพระองค์ด้วยเถิด โอ้ พระผู้สร้าง
เหล่าข้าพระองค์ทั้งผอง ผู้ทรงยิ่งไหญ่และเกรียงไกร"
ซาตานตัวตนที่ไร้ตัวตน3(Adamjocking)
"ข้าผิดอะไรนักหรือ ก็แค่ข้ามีเหตุผลในการโต้เถียงกับองค์พระผู้เป็นเจ้าและเหตุผลของข้าก็ถูกกว่า....มนุษย์อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร"
"ดูอาดัมมันซิ...มันแบกกายของมันวิ่งไปเดินมา อย่างมีความสุขในสวนแห่งสวรรค์ อยู่ในร่มพระเมตตาแห่งพระเจ้า ไม่มีโอกาสใดเลยที่ข้าจะจัดการกับเจ้าได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม"
ซาตานจึงได้แต่เฝ้ามอง และจับจ้องจิตของมันสู่สิ่งที่มันโทษว่าเป็นต้นเหตุแห่งความผิดพลาดของมันที่ทำให้พระเจ้าทรงกริ้วโกรธมัน
"พระองค์จะทรงสร้างมันขึ้นมาทำไม? แล้วทำไมพระองค์จึงต้องทรงให้เหล่าเทพเทวาแลจิตภูตเผ่าพันธุ์ของพวกข้าพระองค์ไปทำการคารวะมันด้วย
ใช่......อาดัมมันมีจิตใจที่อิสระในความคิดและการตัดสินใจ มีความรับผิดชอบในตัวตนและการกระทำ แต่พระองค์ก็ทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นให้กับพวกข้าพระองค์มาก่อนมันซะอีกไม่ใช่หรือ?
จะว่ามันนอบน้อมสรรเสริญต่อพระองค์และยอมรับว่าพระองค์คือคำตอบของทุกสิ่ง แต่.. พระองค์ก็ทรงรู้ทุกสิ่งภายในจิตของข้าพระองค์มิใช่หรือ ว่าข้าพระองค์มีดวงจิตที่ยอมรับพระองค์ นอบน้อมกราบไหว้สรรเสริญพระองค์แต่เพียงพระองค์เดียวมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเจ้ามนุษย์ก้อนดินนั่น
แน่นอนพระองค์นั้นทรงรู้ดียิ่งว่าจะให้ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ในทุกเสี้ยวที่เล็กที่สุดแห่งการเคลื่อนไหวเหมือนเหล่าเทวาทูตสวรรค์นั้นเป็นไปมิได้ เพราะเหล่าเทวาทูตสวรรค์นั้นพระองค์ทรงสร้างพวกเขาขึ้นมาเพื่อภารกิจนี้เป็นหลัก แต่ก็เป็นเพราะ อิสระในบางเวลาที่พระองค์ทรงสร้างไว้ในความคิดให้ข้าพระองค์มีสิทธิเลือกในการกำหนดสภาวะจิตนั้น มันได้ทำให้ข้าพระองค์รู้จักในเหตุผล...ถึงแม้ทุกเหตุผลนั้นจะเป็นของพระองค์อยู่ดีก็ตาม
ใช่...มนุษย์มันต่างจากข้าพระองค์เพราะมันถูกสร้างให้มีกายร่างและหัวใจ และมีจิตที่บริสุทธิ แต่มันไม่มีเหตุผลเหมือนกับข้าพระองค์ มันจะรู้จักเหตุผลได้อย่างไรละ ก็มันยังไม่รู้จักตัวตนของมันเองเลย ทั้งที่มันมีรูปร่างสวยงามสมส่วนขนาดนี้ เหตุผลของมันก็แค่
"เป็นไปตามพระประสงค์ของ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงพิสุทธิยิ่ง"
แล้วมันก็จะสรรเสริญพระเจ้าต่อไปจนเหยืยดยาวอย่างซาบซึ้งในพระเมตตาปราณีของพระองค์ที่มีต่อมัน หลังจากที่มันได้บอกเหตุผลสั้นๆของมัน
มันน่าขำไม๊ล่ะ....กับเจ้าสิ่งสวยงามสมบูรณ์แบบที่พระเจ้าพูดถึงเนี้ยการมีชีวิตของมันมีเหตุผลแค่นี้แหละ หรือแม้แต่การสิ้นสุดชีวิตของมันก็ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้เช่นกัน และดูมันจะอิ่มเอมกับเหตุผลเพียงแค่นี้ของมันจนต้องเริ่มต้นสรรเสริญพระเจ้าอีกครั้ง จนข้าต้องเดินจากมันมาโดยที่มันไม่ใส่ใจใยดีให้เกียรติ์ต่อข้าที่สนทนาอยู่แม้แต่น้อย
ใช่...ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลต่างก็รู้ดีว่า ข้าถูก อเปหิ ออกจากความเมตตาของพระเจ้า
แล้วไงหรือ? ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แม้การจับเวลาของพระเจ้าต่อชีวิตข้าจะเริ่มถูกนับขึ้น
ใช่...ข้ายอมรับผิดที่จะโดนลงโทษอย่างสง่าผ่าเผย พระองค์ทรงบอกว่ากำหนดชะตาชีวิตของข้าจะต้องไปลงนรกหลังจากที่โลก.....
โลกนะรึ...โลกก็คือดาวดวงหนึ่งที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ และได้ทรงวางกฏสภาวะลงไปเช่นเดียวกับจักรวาล เพียงแต่ซับซ้อนกว่าดาวดวงอื่นในจักรวาล และพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตมากมายให้เกิดขึ้นมาจากน้ำ หลังจากที่พระองค์ได้ทรงกำหนดว่าตำแหน่งใดเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมในจักรวาลแห่งกฏสภาวะนั้นแก่มัน
มันมีภูเขามีลำคลอง มีท้องทะเล และมีสิ่งมีชีวิตที่แปลกๆอีกมากมายเหลือจะคณานับได้จากความรู้ของข้า และเกินกว่าสมองของเจ้ามนุษย์ก้อนดินจะนับเช่นกัน ก็อย่างที่ข้าว่านั่นแหละ พระองค์คือผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งเกินกว่าการคิดคำนวณของสิ่งที่ถูกสร้างจะรู้และเข้าใจหมดได้ แน่นอนนั่นคือ ข้อยืนยันว่าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่เอกะ แต่พระองค์ก็ทรงรู้นี่ว่าข้าพระองค์ยอมรับเสมอก็พระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์มาให้เข้าใจเหตุผลนี่ว่าทุกอย่างบนโลกมีเหตุผลเชิงวัตถุที่เกี่ยวพันธ์กับจักรวาล และความสวยงามบนโลกก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่สัมพันธ์กันภายในกฏสภาวะหนึ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ให้เหล่าเทวาของพระองค์ดูแลโดยมิขาดตกบกพร่องในสิ่งใด....ในธรรมชาติ
ใช่ธรรมชาติมั่ง...น่าจะเป็นคำนั้นนะ เพื่อให้มันเป็นตัวของมันเองเช่น เป็นไปตามธรรมชาติ อะไรทำนองนั้นแหละ เพราะคำว่า กำหนดสภาวะมันดูช่างนอบน้อมต่อพระเจ้าผู้สร้างเสียเหลือเกิน
ข้าว่า....คำว่าธรรมชาติมันสวยงามกว่า และมีความเป็นตัวของมันเองดีกว่าเป็นไหนๆเมื่อเทียบกับคำว่าพระเจ้าทรงสร้าง
แต่หาใช่ว่าข้าพระองค์จะไม่รู้ว่า กฏเกณฑ์ความเป็นไปของธรรมชาตินั้นต่างก็เป็นไปตามกำหนดแห่งพระองค์ทั้งสิ้น เพราะพระองค์คือพระเจ้าที่ข้าพระยอมรับโดยความเป็นจริงที่มิอาจหลีกหนี"
" พระองค์ตรัสว่าเมื่อโลกนี้สูญสลายแตกดับไปแล้ว พระองค์ก็จะเอาข้าพระองค์ไปลงนรก นรก..อืมม์
นรกนะหรือ....ข้าก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนหรอก และก็ยังไม่มีใครเคยเห็นเช่นกันนอกจากพระเจ้า พระองค์เพียงแต่บอกว่ามันทุกข์ยากลำบากมากและทรมานมาก จนเกินกว่าจะมีเหตุผลใดคิดคำนวณได้ หรือแม้แต่การคาดเดาด้วยสติปัญญาของข้าหรือเจ้ามนุษย์ก้อนดินก็ยังห่างไกล ที่จะรู้ว่านรกเป็นเช่นไร
แน่นอนข้าเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสเสมอ เพราะข้าประจักษ์แจ้งแล้วว่าพระองค์คือผู้ทรงสิทธิ์เด็ดขาดในทุกเรื่องแต่เพียงพระองค์เดียว
ใยพระองค์จะทรงทำการอันใดอันให้เกินกว่าเหตุผลที่ข้าพระองค์จะรู้จักไม่ได้ ก็มันง่ายนิดเดียวสำหรับพระองค์นี่ ในเมื่อพระองค์คือผู้ทรงเป็นอนันตพลังแห่งความรู้และทรงยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งซะขนาดนั้น
แต่ก็อย่างที่ข้าได้สัญญาไว้กับพระองค์นั่นแหละว่า ในวันสุดท้ายของชะตาชีวิตข้า ข้าจะเอาลูกหลานของอาดัมไปลงนรกกับข้าด้วย
ใช่....พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเปิดโอกาสให้ข้าได้ล่อลวงลูกหลาน วงศ์วานของอาดัม และถ้าใครเชื่อข้า พระเจ้าก็จะเอาพวกเหล่านั้นไปลงนรกเป็นเพื่อนข้า และพระเจ้าก็ทรงสัญญาว่า พระองค์จะทรงให้นรกนั้นกว้างขวางแก่พวกที่เชื่อข้าอย่างไม่มีการเติมเต็ม ข้าไม่แน่ใจว่าควรจะขอบคุณในพระกรุณาในเรื่องนี้ของพระองค์หรือไม่ ที่จะทรงทำให้นรกกว้างขวางพอที่จะทรมานพวกข้าพระองค์ทั้งหมด
ข้าจำได้...ในวันที่ข้าร้องขอนั้น เหล่าสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลายต่างก็พากันสงสัยว่าใยข้าจึงร้องขอเรื่องเช่นนั้น
พวกมันจะไปรู้อะไร ก็เพราะพวกมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้รู้จักใช้เหตุผลเหมือนข้านี่ ข้าอยากจะถามกลับไปสู่ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลว่า
ใยจึงไม่คิดว่า หากข้าทำได้ นั่นมันไม่ใช่ข้อยืนยันถึงชัยชนะที่ข้ามีต่ออาดัม เจ้าก้อนดินนั่นดอกหรือ?
โอ้ พระผู้เจ้าของข้าพระองค์ แม้พระองค์จะอนุมัติให้ข้าพระองค์กระทำการในเรื่องนั้นได้ แต่ก็พระองค์อีกนั่นแหละที่ทรงประกาศิตว่า
"เจ้าจะทำอันใดมิได้เลย หากข้าไม่มีความประสงค์"
แค่นี้ทุกอย่างมันก็จบแล้วสำหรับข้าพระองค์ ก็ในเมื่ออำนาจและ
ความรอบรู้ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นเป็นสิทธิเด็ดขาดของพระองค์แต่ผู้เดียวอยู่แล้วนี่ และจะยังเหลือความจริงอันใดให้ข้าได้ทำลายทำร้าย หรือแม้แต่เพียงเข้าใกล้อาดัมได้เล่า
พระองค์ทรงสร้างเผ่าพันธุ์จิตภูตของข้าพระองค์ให้มีลูกหลานสืบทอดกันได้ ถึงแม้เผ่าพันธุ์ของข้าพระองค์จะไม่มีกายร่างก็ตามที แต่เหล่าพวกข้าพระองค์ก็มีตัวตนจริง ซึ่งเหล่าข้าพระองค์ก็ได้ประจักษ์ถึงความมีตัวตนซึ่งกันและกันแล้ว แม้จะไม่สามารถเสพสุขทุกข์ทางกายร่างหรือสัมผัสแห่งตัวตนได้ก็ตาม
แต่อาดัมก็เป็นเพียงมนุษย์หนึ่งเดียวที่ปราศจากลูกหลานเผ่าพันธุ์สืบทอดใดๆ พระองค์ทรงทำกับข้าพระองค์ประหนึ่งปิดโอกาสของข้าพระองค์จนหมดสิ้น
โอ้พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ใยพระองค์จึงทรงให้โอกาสแก่ผู้ร้องขอจากพระองค์ โดยการประทานความไร้โอกาสให้แก่ผู้ร้องขอเล่า
อันใดเล่าคือคุณลักษณะแห่งพระเจ้าผู้ทรงเมตตาปราณีสูงสุดอันหาใดเปรียบเทียบมิได้
แล้วอันใดเล่า คือประกาศิตอันเด็ดขาดของพระองค์ ที่ไม่มีผู้ใดจะฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระองค์ได้ แม้แต่เพียงเท่าเสี้ยวธุลีที่พระองค์ประสงค์
แต่....ข้าจะยังเฝ้ามองมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวและสวยงามทั้งในและภายนอกผู้อยู่ในความเมตตาของพระเจ้านี้ ต่อไป
เพื่อรอโอกาสที่ข้าได้เคยประกาศไว้อย่างไม่ท้อถอย เพื่อรอวันเวลาหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงเมตตาต่อข้า ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงขับไล่ข้าออกจากพระเมตตาของพระองค์แล้วก็ตาม ก็พระองค์มิใช่หรือที่ทรงรับรองว่า พระองค์คือผู้ทรงเมตตากรุณาแผ่ไพศาล และมิเคยหยุดให้กระแสธารแห่งพระกรุณานั้นหยุดรินไหลเลย และแท้จริง
"โอ้พระเจ้าข้าพระองค์คือผู้เฝ้ารอความหวัง แม้จะอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง"
คัดลอกบทความจาก
http://oknation.nationtv.tv/blog/musachiza/category/Adamjocking2
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น