การเบี่ยงเบนทางเพศ
โดย อ.ดาวูด รอมาน
المخنث แปล ว่า ผู้ชายที่มีพฤติกรรมเลียนแบบผู้หญิงด้านมารยาท คำพูด และอริยาบถต่างๆ โดยตั้งใจจริงที่จะเป็นผู้หญิงให้ได้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ต้องห้าม แต่ถ้าหากว่าเขาถูกกำเนิดมาให้พฤติกรรมเช่นหญิง ไม่ถือว่าเป็นที่น่าตำหนิ แต่จำเป็นทีเขาต้องกำจัดพฤติกรรมดังกล่าวให้หมดไปจากตัวเขา
المتر جلة แปลว่า ผู้หญิงที่เลียนแบบพฤติกรรมผู้ชายด้านการแต่งตัว อิริยาบถต่างๆ เช่น การเดิน การพูดคุย การกินอาหาร ถือว่าเป็นที่ต้องห้าม
รายงานจากอิบนุ อับบาส กล่าวว่า
"ท่านนะบี ได้ สาปแช่งบรรดากะเทยที่เดิมเป็นชาย และบรรดาชายเทียมที่เดิมเป็นหญิง โดยท่านได้กล่าวว่า พวกท่านจงไล่พวกเขาออกจากบ้านของพวกท่าน และท่านนะบี ได้ไล่นายคนหนึ่งออกไป และท่านอุมัรได้ไล่นายคนหนึ่งออกไป"(บันทึกโดย บุคอรีย์)
จากอบูฮุรอยเราะฮ์ รายงานว่า
"ท่านนะบี ได้มีผู้พากะเทยมาหาท่าน โดยที่เขาได้ย้อมมือและเท้าทั้งสองข้างของเขาด้วยใบเทียน ท่านนะบี จึงกล่าวว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? มีผู้กล่าวขึ้นว่า โอ้ท่านเราะซูล เขาเลียนแบบผู้หญิงครับ ท่านเราะซูล จึงสั่งให้เนรเทศเขาออกไปอยู่ทีนะเกี๊ยะอ์ เหล่าซอฮาบะฮ์กล่าวว่า โอ้ท่านเราะซูล ให้พวกเราฆ่ามันหรือไม่ ? ท่านเราะซูล กล่าวว่า แท้จริงฉันถูกห้ามไม่ให้ฆ่าบรรดาผู้ละหมาด"
"อบูอุซามะฮ์ กล่าวว่า นะเกี๊ยะอ์เป็นชื่อสถานที่ ที่ห่างจากมะดีนะฮ์ ไม่ใช่บะเกี๊ยะอ์" (บันทึกโดยอบูดาวูด)
เหตุที่อิสลามห้ามพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
การเบี่ยงเบนทางเพศ จากชายเป็นหญิง หรือจากหญิงเป็นชาย เป็นการทำลายการสร้างของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ทรงกำหนดมา อันเป็นการแสดงถึงความไม่พอใจ ต่อการกำหนดของพระองค์ เพราะว่าหน้าที่ของมุสลิมคือ ต้องยอมรับ ต้องพอใจ ต้องขอบคุณต่ออัลลอฮ์ และต้องอดทนต่อกำหนดการต่างๆของพระองค์
ปัจจุบันการเบี่ยงเบนทางเพศยิ่งเพิ่มความวิปริตมากขึ้น เช่น การผ่าตัดแปลงเพศ การแต่งงานอยู่กินกันแบบสามีภรรยา ระหว่างชายกับชาย หญิงกับหญิง โดยที่มีให้เห็นในทุกวงการ
บทลงโทษสำหรับพวกเบี่ยงเบนทางเพศ
หากว่าความผิด เป็นการเบี่ยงเบนทางเพศ กล่าวคือ เลียนแบบเพศตรงข้ามเท่านั้น โทษคือ การถูกสาปแช่งจากท่านเราะซูล และถูกเนรเทศออกจากบ้านเมืองโดยมีระยะทางสองคืน หากความผิดเป็นการ"ลีวาต" คือ เป็นการร่วมประเวณีทางทวารหนัก จะเป็นชายกับชายหรือชายกับหญิง หรือด้วยการรับสารภาพของเจ้าตัว โทษคือเป็นความผิดที่น่าเกลียดและวิปริตที่สุด
"พวก ท่านจะกระทำสิ่งที่ น่าเกลียด ที่ไม่มีคนใดในประชาชาติทั้งหลายได้กระทำมันก่อนพวกท่านกระนั้นหรือ ? แท้จริงพวกท่านจะสมสู่ด้วยกัน ด้วยตัณหาราคะอื่นจากหญิง ยิ่งกว่านั้นพวกท่านยังเป็นพวกที่ละเมิดขอบเขตอีกด้วย" (อัลอ์รอฟ / 80-81)
อัลลอฮ์ กล่าวถึงพวกลู๊ต ที่นิยมรักร่วมเพศว่า เป็นพวกจิตวิปริตที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นการลงโทษจึงกระหน่ำลงมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยการพลิกแผ่นดิน และฝนหินจากนรกตกลงมาใส่พวกเขา
อิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวในหนังสือ ฟัตวาไชยคุลิสลาม มีใจความว่า
"ที่ถูกต้องตามแนวปฏิบัติ ของซอฮาบะฮ์ คือ ฆ่ามันทั้งคู่ คนที่อยู่บนและคนที่อยู่ล่าง จะผ่านการแต่งงานมาแล้วหรือไม่ก็ตาม ซอฮาบะฮ์ไม่ขัดแย้งกันในการฆ่าพวกเขา และบางท่านเห็นว่า ให้นำเขาขึ้นไปบนกำแพงที่สูงที่สุดของหมู่บ้าน แล้วโยนเขาลงมาและกระหน่ำตามด้วยก้อนหิน"(ฟัตวาไชยคุลอิสลาม 28/361)
อัลมุฟฟัก อิบนุกุดามะฮ์ กลาวไว้มีใจความว่า
"เพราะว่า การฆ่าพวกรักร่วมเพศเป็นมติเอกฉันท์ของซอฮาบะฮ์ แท้จริงพวกเขาลงมติให้ฆ่าพวกเขา และที่ขัดแย้งกันคือ วิธีการฆ่าพวกเขา"(อัลมุฆนี 10/161)
อิบนุรอญับกล่าวไว้ มีใจความว่า ที่ถูกต้องคือ การฆ่าพวกเขา เท่ากันไม่ว่าจะผ่านการแต่งงานมาแล้วหรือไม่ก็ตาม เพราะคำกล่าวของอัลลอฮ์ที่ว่า
"ดังนั้นเมื่อคำสั่งของเราได้มาถึง เราได้ให้ข้างบนของมันเป็นข้างล่าง และเราได้ให้ก้อนหินแกร่งหล่นพรูลงมา"(ฮูด / 82)
จากอะหมัด ว่า บทลงโทษของการลีวาต คือการขว้าง จะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งก็ตาม และนี่เป็นคำพูดของมาลิก และคนอื่นๆ และเป็นหนึ่งในสองคำพูดของชาฟิอี ด้วยคำพูดของท่านเราะซูล ที่ว่า
จากอิบนุอับบาส กล่าวว่าท่านเราะซูล กล่าวว่า
"ผู้ใดที่พวกท่านพบว่าเขาได้ กระทำเช่นพวกลู๊ต พวกท่านจงฆ่าคนกระทำและคนถูกกระทำ"(บันทึกโดย อบูดาวู๊ด ตริมีซีย์ อิบนุมาญะฮ์ และอะหมัด)
สามีร่วมประเวณีกับภรรยทางทวารหนักเป็นลีวาตหรือไม่ ?
การที่สามีร่วมเพศกับภรรยาทางทวารหนัก ถือว่าเป็นการลีวาตซุฆรอ อัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า
"จงมาหานางตามที่อัลลอฮ์ใช้พวกท่าน แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้สำนึกผิด และทรงรักบรรดาผู้ทำตนให้สะอาด" (อัลบะเกาะเราะฮ์ / 222)
อิบนุอับบาส มุญาฮิด และคนอื่นๆกล่าวว่า "หมายถึงทางอวัยวะเพศของพวกนาง ห้ามทางอื่น ถ้าทางอื่นถือว่าเป็นผู้ฝ่าฝืน"
ดังนั้น จำเป็นแก่ภรรยาต้องห้ามปรามสามี ให้ละเลิกความวิปริต และหากว่าห้ามแล้วสามียังไม่เลิก จำเป็นต้องขอแยกทางกับสามีของนาง เพราะการอยู่ด้วยกันในสภาพดังกล่าวถือว่าเป็นความอัปยศ อดสู และน่าทุเรศ....ที่มา http://www.islammore.com
ประเภทกระเทยในทัศนะอิสลาม
ความหมายทั่วไป
กะเทย เป็นคำที่ไทยที่ยืมมาจากเขมร คำว่า “เขฺทีย” อ่านว่า เขฺตย (ขฺเตย) และในกฎหมายตราสามดวง บันทึกการเขียนไว้ว่า "กระเทย" แต่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 และ 2542 ใช้คำว่า กะเทย ซึ่งมีความหมายว่า “คนที่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง, คนที่มีจิตใจและกิริยาตรงข้ามกับเพศของตนเอง; ผลไม้ที่เมล็ดลีบ เช่น ลำไยกะเทย. (อะหม ว่า เทย) ”
คำว่า "ตุ๊ด" มาจากชื่อภาพยนตร์ "ทูทซี" (อังกฤษ: Tootsie , พ.ศ. 2525) กำกับโดย ซิดนีย์ พอลแลค นำแสดงโดย ดัสติน ฮอฟแมน นักแสดงชายแต่งชุดเป็นผู้หญิงและแสดงในบทบาทต่างๆ ส่วนมากคนมักจะเรียกตุ๊ดกะเทยสับสนกัน ตุ๊ด คือ คนที่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กับกะเทย แต่แตกต่างกันคือ ตุ๊ดจะไม่แต่งหญิง ในชีวิตประจำวัน จะแต่งตัวเป็นเพศหญิงก็ต่อเมื่อบางโอกาส (1)
เกย์ (อังกฤษ: gay) มักหมายถึงบุคคลที่มีรสนิยมทางเพศแบบรักเพศเดียวกัน เดิมคำว่าเกย์ในภาษาอังกฤษมีความหมายว่า "ไร้กังวล" "มีความสุข" "ความสำราญใจ" "เฉียบแหลมและน่าประทับใจ" (2)
กะเทยแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะทางกายภาพ นิสัย รสนิยม พฤติกรรม แต่ละประเภท
1. กะเทยแท้ (Hermaphrodite) คือ คนสองเพศในร่างเดียวกัน (Two in one) เป็นความผิดปกติของธรรมชาติทางร่างกาย มีผลทำให้จิตใจสับสนว่าเราเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่
2. กะเทยผิดเพศหรือแปลงเพศ (Transsexualism) คือคนที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับเพศที่แท้จริงของตัวเองโดยกำเนิด มีพฤติกรรมแสดงออกแบบเพศตรงข้ามตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดเพศ และมักอยากแปลงเพศให้เป็นตรงกันข้ามกับต้นฉบับเดิมที่แม่ให้มา อาจแปลงด้วยวิธีการกินยาฮอร์โมน หรือศัลยกรรมผ่าตัด
3. กะเทยลักเพศ (Transvestitism) คือไปลักเอาเพศอื่นมา กลุ่มนี้ชอบแต่งกายเป็นเพศตรงข้าม แต่งหน้า ทำผม เท่านี้ก็พอใจแล้ว อาจทำโดยเปิดเผยหรือเฉพาะลับตาคนก็ได้ กลุ่มนี้ไม่ต้องการแปลงเพศเหมือนกลุ่มแรก กลุ่มนี้อาจเป็นได้ทั้งรักใคร่เพศตรงข้าม หรือเป็นโฮโมหันมาชอบไม้ป่าเดียวกัน
4. รักร่วมเพศ (Homosexuality) หมายถึง ผู้ที่ต้องการมีความสุขกับเพศเดียวกัน อันได้แก่ ชายรักชาย และหญิงรักหญิง ทั้งสองฝ่ายอยู่ในกลุ่มเดียวกัน (3)
ความหมายในทัศนะอิสลาม
กระเทย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. الخنثى الواضح หรือ คือกระเทยที่ชัดเจน หมายความว่า ผู้ที่ทำตัวเป็นกระเทยโดยมีเพศที่ชัดเจนว่าเป็นเพศชาย หรือเป็นเพศหญิง
2. الخنثى المشكل คือกระเทยที่ยังคุมเครืออยู่ หมายถึง .ผู้ที่มสองเพศในร่างเดียวกัน หรือ ไม่มีอวัยวะเพศ ทั้งของชายและหญิง โดยมีรูปัสวะและอุจระ
ฟัตวาของเช็คอัลมุนัจญิด ระบุว่า
ينقسم الخنثى إلى مُشكِل وغير مُشكِل :
أ. الخنثى غير المشكل :
من يتبين فيه علامات الذآورة أو الأنوثة ، فيعلم أنه رجل ، أو امرأة ،
فهذا ليس بمشكل ، وإنما هو رجل فيه خلقة زائدة ، أو امرأة فيها
خلقة زائدة ، وحكمه في إرثه وسائر أحكامه حكم ما ظهرت علاماته
فيه .
ب. الخنثى المشكل :
هو من لا يتبين فيه علامات الذآورة أو الأنوثة ، ولا يعلم أنه رجل أو
امرأة ، أو تعارضت فيه العلامات .
فتحصل من هذا أن المشكل نوعان :
نوع له آلتان ، واستوت فيه العلامات ، ونوع ليس له واحدة من الآلتين
وإنما له ثقب
กระเทย แบ่งออกเป็น กระเทยคลุมเครือ(หมายถึงกระเทยแท้) และกระเทยที่ไม่คลุมเครือ (หมายถึงกระเทยที่ชัดเจน
1. กระเทยไม่คลุมเครือหรือกระเทยเทียม ( الخنثى غير المشكل ) คือ ผู้ที่เครื่องหมายเพศชาย หรือเครื่องหมายเพศหญิง ปรากฏชัดเจน โดยรู้ว่า เขาเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง ดังนั้นกรณีนี้ไม่คลุมเครือ และความจริง เขาเป็นผู้ชายที่ในตัวเขามีธรรมชาติส่วนเกิน หรือเป็นผู้หญิงที่ในตัวนาง มีธรรมชาติ ส่วนเกินเท่านั้น ,และหุกุม(ข้อกำหนด)ในการสืบทอดมรดก และ บรรดาหุกุมอื่นๆ ของเขา คือ หุกุมของสิ่ง ที่บรรดาเครื่องหมาย(ที่บอกเพศ)ของเขาได้ปรากฏในนั้น
2. กระเทยที่คลุมเครือหรือกระเทยแท้ ( الخنثى المشكل ) คือ ผู้ที่เครื่องหมายเพศชายหรือเพศหญิงไม่ปรากฏชัดเจน และไม่รู้ว่า เขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง หรือ บรรดาเครื่องหมาย(ที่บ่งบอกเพศ)ขัดกัน
สรุปว่า จากกรณีนี้ ว่า กระเทย ที่คลุมเครือหรือ กระเทยแท้ นั้น มี 2 ประเภทคือ
1. ประเภทที่มีอวัยวะเพศสองอย่าง (คือ มีทั้งอวัยวะเพศชายและเพศหญิงในคนๆเดียว) และ บรรดาเครื่องหมายมีเท่ากัน
2. ประเภทที่ไม่มีอวัยวะเพศอย่างหนึ่งอย่างใดจากสองอย่าง และมีแต่รูเท่านั้น (4)
ทัศนะของอิสลามในประเภทต่างๆของกระเทย
1. ผู้มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิงในร่างเดียวกัน (Hermaphrodite)
กระเทยประเภทนี้ นักวิชาการมุสลิม เรียกว่า الخنثى المشكل (อัลคุนษา อัลมุชกิล) ท่านอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวในเรื่อง การอนุญาตให้กระเทยแท้ หรือ กระเทยคลุมเครืองแต่งงานว่า
فإذا آان مشكلا فله أن ينكح بأيهما شاء فإذا نكح بواحد لم يكن له أن ينكح بالآخر
ดังนั้น เมื่อ เขาเป็นกระเทยอัลมุชกิล ก็อนุญาตให้เขาแต่งานก็บ(เพศ)ใหนก็ได้ตามที่เขาประสงค์ แล้วเมื่อเขาได้แต่งงานกับเพศหนึ่งแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้เขาแต่งงานกับเพศอื่นอีก – อัลอุม เล่ม 5 หน้า 44
อิบนุกุดามะฮ (ขออัลลอฮเมตตาตอท่าน) กล่าวในเรื่อง การสืบทอดมรดกของ กระเทยแท้( الخنثى
المشكل )ว่า
والخنثى المشكل يرث نصف ميراث ذآر ، ونصف ميراث أنثى . فإن بال من حيث
يبول الرجل فليس بمشكل ، وحكمه في الميراث وغيره حكم رجل . وإن بال من حيث
تبول المرأة فله حكم امرأة ) الخنثى هو الذي له ذآر وفرج امرأة ، أو ثقب في مكان
الفرج يخرج منه البول . وينقسم إلى مشكل وغير مشكل ، فالذي يتبين فيه علامات
الذآورية ، أو الأنوثية ، فيعلم أنه رجل ، أو امرأة ، فليس بمشكل ، وإنما هو رجل فيه
خلقة زائدة ، أو امرأة فيها خلقة زائدة
และกระเทยแท้นั้น ได้รับครึ่งหนึ่งของมรดกผู้ชาย และ ครึ่งหนึ่งมรดกผู้หญิง แล้วถ้าเขาปัสสาวะ จากที่ซึ่งผู้ชายปัสสาวะ เขาก็ไม่ใช่กระเทยแท้ และหุกุมของเขาในเรื่องมรดก และอื่นจากมัน คือ หุกุมของผู้ชาย และถ้าเขา ปัสสาวะจากที่ที่ผู้หญิงปัสสาวะ สำหรับเขาคือ หุกุมของผู้หญิง ,คำว่า “กระเทย”คือ ผู้ที่มีอวัยวะเพศชายและเพศหญิง หรือ มีรูในที่ของอวัยวะเพศหญิง ที่ปัสสาวะออกมาจากนั้น และกระเทยแบ่งออกเป็น กระเทยแท้และกระเทยไม่แท้ ดังนั้น ผู้ที่ปรากฏเครื่องหมายของเพศชายหรือเพศหญิงชัดเจน โดยรู้ว่า เขาเป็นผู้ชายหรือ ผู้หญิง เขาก็ไม่ใช่กระเทยแท้ ความจริงเขาเป็นผู้ชาย ที่ในตัวเขา มีธรรมชาติส่วนเกิน หรือเป็นผู้หญิงที่ในตัวนาง มีธรรมชาติ ส่วนเกินเท่านั้น – อัลมุฆนีย์ เล่ม 6 หน้า 221
2. ชายหรือหญิงที่แปลงเพศ (Transexualism)
กระเทยประเภทนี้จัดอยู่ในประเภทกระเทยไม่แท้ และการแปลงเพศนั้น เข้าข่ายความผิดฐานเปลี่ยนแปลงธรรมชาติที่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสร้าง ดังที่อัลลอฮ ตะอาลา ทรง กล่าวถึง คำพูดของชัยฏอนว่า
وَلَأُضِلَّنَّهُمْ وَلَأُمَنِّيَنَّهُمْ وَلَآمُرَنَّهُمْ فَلَيُبَتِّكُنَّ آذَانَ الْأَنْعَامِ وَلَآمُرَنَّهُمْ فَلَيُغَيِّرُنَّ خَلْقَ اللَّهِ وَمَنْ يَتَّخِذِ
الشَّيْطَانَ وَلِيا مِنْ دُونِ اللَّهِ فَقَدْ خَسِرَ خُسْرَانًا مُبِينًا
119. และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาหลงผิด และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาเพ้อฝัน และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะใช้พวกเขา แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะผ่าหูปศุสัตว์ และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะใช้พวกเขา แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้าง และผู้ใดที่ยึดเอาชัยฏอนเป็นผู้ช่วยเหลือแล้ว แน่นอนเขาก็ขาดทุนอย่างชัดเจน
และได้ระบุในอัลหะดิษว่า
ท่านอิบนุมสอูด รายงานว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
لَعَنَ اللَّهُ الْوَاشِمَاتِ وَالْمُسْتَوْشِمَاتِ وَالنَّامِصَاتِ وَالْمُتَنَمِّصَاتِ وَالْمُتَفَلِّجَاتِ لِلْحُسْنِ
الْمُغَيِّرَاتِ خَلْقَ اللَّهِ
อัลเลาะฮ์ทรงสาปแช่ง ผู้หญิงที่ทำการสัก และใช้ให้ทำการสัก ผู้หญิงที่ถอนขนบนใบหน้าและผู้หญิงที่ขอให้ถอนขนบนใบหน้า ผู้หญิงที่ถ่างช่วงระหว่างฟันเพื่อความสวยงาม ซึ่งพวกนางเป็นผู้ที่ทำการเปลี่ยนแปงการสร้างของอัลเลาะฮ์..." รายงานโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม
3. ชายหรือหญิงที่นิยมแต่งกายในชุดของเพศตรงข้าม (Transvestism)
กระเทยประเภทนี้จัดอยู่ในประเภทกระเทยไม่แท้ ดังนั้นเขาจะต้อง แก้ไขพฤติกรรมนี้ อิหม่ามบุคอรี ได้รายงานว่า
لعن رسول الله صلى الله عليه وسلم المخنثين من الرجال ، والمترجلات من النساء
รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สาปแช่ง บรรดาผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิง และบรรดาผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชาย
قال الحافظ المنذري : المخنث بفتح النون وآسرها من فيه انخناث
อัลหาฟิซ อัลมันซิรีย์ กล่าวว่า “ อัลมุคอ็นนัษ” อ่านด้วยสระฟัตหะฮอักษรนูนและสระกัสเราะฮอักษรนูน หมายถึง ผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นกระเทย
- เฆาะซาอุ อัลอัลบาบ เล่ม 2 หน้า 170
4. ชายหรือหญิงผู้มีใจรักใคร่เพศเดียวกัน (Homosexuality) ส่วนใหญ่หมายถึงชายรักชาย และอาจหมายถึงหญิงรักหญิงด้วยกัน แต่ที่มักไม่ค่อยพูดถึงกันนัก
พฤติกรรมข้างต้น ภาษาอาหรับเรียกว่า الشذوذ الجنسي (อัชชุซูซ อัลญินสีย์) เป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้าย อัลลอฮ ตะอาลาได้กล่าวถึงการลงโทษพวกรักร่วมเพศในสมัยนบีลูฏ อะลัยฮิสสลามว่า
فَلَمَّا جَاءَ أَمْرُنَا جَعَلْنَا عَالِيَهَا سَافِلَهَا وَأَمْطَرْنَا عَلَيْهَا حِجَارَةً مِنْ سِجِّيلٍ مَنْضُودٍ
ดังนั้น เมื่อพระบัญชาของเราได้มาถึง(*1*) เราได้ทำให้ข้างบนของมันเป็นข้างล่าง(*2*) และเราได้ ให้ก้อนหินแกร่งหล่นพรูลงมา(*3*)
………….
(1) เมื่อเวลาการลงโทษของเรามาถึง
(2) เราได้พลิกหมู่บ้านให้ข้างบนกลับไปอยู่ข้างล่าง
(3) เราได้ส่งก้อนหินแข็งแกร่งลุกเป็นไฟ ประโยคนี้ใช้คำเปรียบเทียบเหมือนกับฝนตกลงมา
ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
مَنْ وَجَدْتُمُوهُ يَعْمَلُ عَمَلَ قَوْمِ لُوطٍ فَاقْتُلُوا الْفَاعِلَ وَالْمَفْعُولَ بِهِ ) وصححه الألباني في
صحيح الترمذي .
ผู้ใดที่พวกท่านพบเขา ผู้นั้น กระทำ เหมือนการกระทำของกลุ่มชนของลูฏ พวกท่านจงประหารผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ – อัลบานีย์ได้ระบุว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ ในหนังสือ เศาะเฮียะอัตติรมิซีย์
บทความโดย อะสัน หมัดอะดั้ม asan12call@hotmail.com
--------------------------------------
1) http://th.wikipedia.org/wiki
2) http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%8C
3) http://www.vcharkarn.com/vcafe/92547
4) http://islamqa.com/ar/ref/114670
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น