ปัญหา ประเภทของจีนฮ่อที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เมื่อ ๔๐-๕๐ ปีที่ผ่านมา

 รายละเอียดข่าว

 

        ภาพ กลุ่มทหารจีนฮ่อกองพล ๙๓              

 เชียงใหม่ ๒๕๑๓(๑๓)

       ปัญหา ของจีนฮ่อที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เมื่อ ๔๐-๕๐ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากกลุ่มจีนฮ่อในด้านต่าง ๆ รายละเอียดความเคลื่อนไหวของกลุ่มจีนฮ่อ ได้จากบทความอีกบทหนึ่ง ในหนังสือพิมพ์คนเมือง ฉบับวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๑๓

     “จีนฮ่อเก็บภาษีเถื่อนในเขตไทย”

      รายงาน คนข่าว “จีนฮ่อที่อาศัยอยู่ตามชายแดนไทยมีอยู่หลายจำพวก ส่วนมากเป็นทหากองพล ๙๓ ซึ่งเมื่อเสร็จปฏิบัติการสงครามครั้งหลังสุดในพื้นที่พม่าตอนรัฐฉานแล้วก็ ไหลหลั่งเข้าไทยบ้าง คงอาศัยอยู่ในรัฐฉานของพม่าบ้างไม่ยอมกลับไต้หวันเพื่ออาศัยอยู่ค้าฝิ่น ขึ้นล่องระหว่างไทย-พม่า และสิบสองปันนา เมื่อเป็นเวลานานเข้าก็ออกลูกสืบหลานแพร่พันธุ์อยู่ในพื้นที่นี้ มีลูกเมียเป็นพม่า เงี้ยว ลื้อและไทยเราเองยุ่งกันไปหมด

      กองพล ๙๓ เวลานี้ แยกกำลังของเขาเองออกเป็น ๒ กองพล คือ กองพล ๕ มี นายพลต่วนเป็นหัวหน้า เรียกว่า เจ้าฟ้าเลาต่วน คุมกำลังอยู่ค่ายฮ่ออพยพ แม่สะลอง ท้องที่อำเภอแม่จัน มีประชากรประมาณ ๕,๐๐๐ คน ในค่ายของนายพลเลาต่วน มีโรงเรียนนายร้อย โรงเรียนนายสิบและโรงเรียนสามัญสอนภาษาจีน โดยไม่ได้รับอนุญาต มีนักเรียนกว่า ๒,๐๐๐ คน นักเรียนเหล่านี้ไปจากลูกหลานชาวจีนทั่วไป เช่นเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง น่าน ที่มาจากพระนครและภาคใต้ก็มี 

    อีกพวกหนึ่งแยกเป็นกองพลเลาลี เป็นหัวหน้า คุมกำลังอยู่ที่ถ้ำง้อบ ท้องที่อำเภอฝาง เชียงใหม่

     ฮ่อ อีกพวกหนึ่งเป็นฮ่อที่รับราชการขึ้นต่อรัฐบาลไต้หวัน ทำหน้าที่หาข่าวอยู่ในพื้นที่รัฐฉาน ศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่เมือง...(ข้อความไม่ชัดเจน) หน่วยหนึ่ง ๆ มีจำนวนประมาณ ๘๐ คน บางทีก็มีเกือบ ๒๐๐ คน เนื่องจากฮ่อพวกนี้ถืออภิสิทธิ์ เข้าออกระหว่างไทย-ลาว และพม่าได้โดยเสรี ไม่ทราบว่าได้อภิสิทธิมาจากไหน เป็นฮ่ออิทธิพลจริงๆ แม้อยู่ในเขตไทยก็ยังทรงอิทธิพล เวลาทำผิดกฎหมายไทย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับดำเนินคดีไม่กี่น้ำก็ออกมาลอยนวลยิ้มเยาะเจ้าหน้าที่ ได้อย่างประหลาด

    ในรัฐฉานชาวเมืองเดือดร้อนมากเพราะฮ่อพวกนี้มีบังคับ ซื้อสินค้าของอุปโภคบริโภคในราคาถูกมาก เช่นข้าวราคาถุงละ ๒ รูปี ฮ่อพวกนี้ซื้อเพียง ๑ รูป (๑๐ บาท) ไม่ขายก็บังคับเอาฟรี แรงงานก็เกณฑ์เอาตามชอบใจ ยิ่งกว่านี้ชาวเมืองถูกปล้นจี้ฆ่าบ่อยๆ แถมยังถูกบังคับเก็บภาษีเถื่อน คือ ขอเงินใช้เอาดื้อ ๆ ถ้าไม่ให้ก็ถูกข่มเหง หมู่บ้านถูกเผาราบ ทหารพม่าเองก็พยายามคุ้มครองป้องกัน แต่ละทีนั้นไกลคมนาคม เช่น เมืองเฉ่ เมืองขัน เมืองยู้ เมืองหลวย พอพม่าเผลอ ฮ่อพวกนี้ก็แสดงอิทธิพลเอาตลอดมา

    ใน พม่า มีฮ่ออีกพวกหนึ่งเป็นฮ่อสัญชาติพม่า ที่อำเภอดอยหม่อ เป็นอำเภอของฮ่อโดยเฉพาะ เนื่องจากพวกฮ่อมาตั้งรกรากอยู่ จึงขยายพันธุ์กว้างขวาง ประชาชนฮ่อชาติพม่าใช้ภาษาวัฒนธรรมของฮ่อ ซึ่งพม่าก็ยังแก้ไม่ได้ ต้องยกให้เขาเป็นพิเศษ ให้ปกครองกันเอง ภายใต้กฎหมายแห่งสหภาพพม่า แต่งตั้งชาวฮ่อท้องถิ่นนั้นเป็นนายอำเภอ ขุนส่าหรือชื่อจ่อ จขางยีฟู เป็นคนปัจจุบันที่พม่าแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฮ่ออำเภอนี้ และยังแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าอาสาสมัครซึ่งเรียกว่า ก่าก่วยเย ทำหน้าที่ปราบปรามกวาดล้างกบฏพม่าที่เรียกตนเองว่า คณะกู้ชาติไทยใหญ่ หรือเรียกอีอย่างหนึ่งว่า หนุ่มศึกหาญ ทั้งให้ปราบปรามพวกฮ่อค้าฝิ่น คือ พวกเลาต่วน เลาลี และเลาอื่น ๆ ที่บังอาจใช้เขตรัฐฉานเป็นทางลำเลียงฝิ่นและสินค้าเถื่อนอื่นๆ ด้วย

      ขุน ส่า กับหัวหน้าชั้นรองไปจากเขาอีก ๒ คน ถูกทหารพม่าจับเมื่อเร็ว ๆ นี้ ควบคุมกักกันตัวไว้ที่ต่องกี โทษฐานปฏิบัติการกวาดล้างไม่เป็นผลตามเงื่อนไข หนำซ้ำยังร่วมงานกับเหล่าร้ายในการค้าฝิ่นเถื่อนด้วย

         ฮ่ออีกประเภทหนึ่ง ที่กระเส็นกระสายออกมาจากกองพล ๙๓ เคยอยู่ในบังคับบัญชาอุปการะของเลาลี เลาต่วน ก็กำเริบ ตั้งตนเองเป็นหัวหน้า หาสมัครพรรคพวกรวมกันเป็นกองโจรย่อย ๆ แยกตัวออกจากกองพล ๕ หรือ ๓ ลูกน้องที่เกลี้ยกล่อมมาได้บ้างก็เป็นพวกชาวเขา มีอีก้อ ว้า ลื้อ ฯลฯ แต่เอามาล้างสมองกลายเป็นฮ่อไปอย่างสนิท ฮ่อพวกนี้ชอบแอบอ้างว่าเป็นลูกน้องเลาต่วนหรือเลาลี ซึ่งรัฐบาลเองก็เคยผลักดันให้ออกไปจากประเทศไทย แต่ทนการอ้อนวอนไม่ได้ ก็เลี้ยงไว้เอาบุญ แถมยังข้าราชการใหญ่ๆ บางท่านยังมีความเกรงใจเป็นพิเศษด้วย

       เมื่อเร็วๆนี้ ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านบ้านก้อพญาอภัย ฮ่อจำนวนประมาณ ๘๐ คน ตั้งด่านเก็บภาษีจากคนเดินทาง ถ้าคนเป๊อะ(บรรทุกของที่หลัง)ของ เก็บคนละ(ข้อความไม่ชัดเจน) บาท ถ้าม้าต่างเก็บตัวละ ๑๐ บาท เส้นทางที่ว่าเป็นเส้นทางเข้าออกชายแดนที่กรมศุลกากรไม่เคยอนุมัติ คือเป็นทางนอกอนุมัติหรือทางเถื่อนนั่นเอง เรื่องฮ่อเก็บภาษีทราบถึงหูท่านนายกรัฐมนตรีในคราวที่ขึ้นไปเยี่ยมตรวจชาย แดนเชียงราย บัดนี้ด่านนั้นถูกสั่งให้เลิกไปแล้ว

      เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม นี้ การปล้นที่เมืองไฮ เขตพม่า หัวหน้าชื่อฮว้างหวุ่นแจ๋หรือ เลาค้อง มีลูกน้อง ๒๐ คน ผลการปล้นฮว้างหวุ่นแจ๋ ได้เงินมาคิดเป็นเงินไทย ๒๐,๐๐๐ บาท แต่เสียชีวิตลูกน้องไป ๑ คน โดยถูกทหารพม่ายิง ฮว้างหวุ่นแจ๋พาลูกน้องหลบเข้ามาในเขตไทย ตัวเขาพักอยู่ในนิคมฮ่ออพยพบ้านถ้ำ แต่ลูกน้องฝากเข้าไว้ในนิคมฮ่ออพยพบ้านห้วยไร่ เชิงดอยตุง

    ก่อนหน้าเกิด การปล้นในเขตพม่า ในเขตไทยเองก็มีการก่อกวนจากฮว้างหวุ่นแจ๋ ที่บ้านก้อป่าซาง แสนสบ..เขต อ.แม่จัน หมู่ที่ ๑๒ ฉว้างหวุ่นแจ๋พาลูกน้อง ๑๐ คน จากเมืองไฮ เข้ามาบังคับรีดเอาเงินจากชาวบ้านอีก้อ แต่ขณะเข้าจะขอเงินนั้น มีอีก้อ ๒ คน วิ่งหนีออกไปจากหมู่บ้าน ฮ่อโจรเข้าใจว่าคงวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่ มันจึงเร่งรัดบังคับเอาเงินได้เพียง ๕ หลังคาเรือน รายละ ๓๐ รูปี ได้เงินไป ๑๕๐ เหรียญรูปี คิดเป็นเงินไทย ๑,๕๐๐ บาท.”

    เป็นข้อมูลความเคลื่อนไหวของกลุ่มจีนฮ่อในปี พ.ศ.๒๕๑๓

จบข่าวจีนฮ่อฉบับนี้ต่อไปเป็น

#ข่าวเก่าในอดีตสร้างถนนเส้นทางระหว่างอำเภอในปี 2513

     ในจังหวัดเชียงใหม่ มีข่าวด้านการพัฒนาเส้นทางคมนาคม 

    “สร้างถนนสายต่าง ๆ ในภาคเหนือ”

    “เมื่อ วันที่ ๒๐ เดือนนี้(เมษายน) เวลา ๘ น. นายเฉลียว วัชรพุกก์ อธิบดีกรมทาง ซึ่งเดินทางมาราชการในภาคเหนือ ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว นสพ.และวิทยุ ณ โรงแรมรินคำ เชียงใหม่ เกี่ยวกับโครงการสร้างทางสายต่าง ๆ ในภาคเหนือดังต่อไปนี้

   การสร้างทางตามโครงการเงินกู้ของธนาคารโลกในขณะ นี้ได้แบ่งออกเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะแรกสร้างทางจากนครสวรรค์มาเชียงราย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ช่วง อ.งาว ไป เชียงราย ระยะ ๑๒๐ กม. กำหนดเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนช่วงระหว่าง อ.เถิน ไป ตาก- อ.คลองขลุง จะแล้วเสร็จใน ๓-๔ เดือนข้างหน้า

     ระยะที่ ๒ เป็นการสร้างทางสายบางประอิน – นครสวรรค์ เพื่อย่นระยะทางกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ให้สั้นลง ๑๐๐ กม.เศษ กำหนดเสร็จปี ๒๕๑๔ และการสร้างระหว่าง อ.เถิน – ลำปาง ก็จะเสร็จในปี ๒๕๑๔

     อีกสายหนึ่ง ระหว่าง อ.ลี้- อ.เถิน จะลาดยางจากลี้ถึงบ้านโฮ่งก่อน โดยจะเริ่มทำในปี ๒๕๑๔ เสร็จปี ๒๕๑๖ สายน่าน-ปัว-ทุ่งช้าง ซึ่งสร้างมา ๓ ปีแล้ว จะลาดยางในปี ๒๕๑๔ นี้

      อธิบดี กรมทางได้แจ้งต่อไปว่า ในปี ๒๕๑๔ มีโครงการสร้างและปรับปรุงทางในภาคเหนือหลายสาย เช่น จะสร้างสายลำปาง-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก ซึ่งจะทำเป็นถนนไฮย์เวย์เช่นเดียวกับสายลำปาง-เชียงใหม่ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเงินกู้จากธนาคารโลก กำหนดเริ่มการสำรวจข้อมูลในปี ๒๕๑๔ และเริ่มสร้างปี ๒๕๑๕ โดยสร้างช่วงแพร่-ลอง ก่อน ระยะยาว ๒๘๐ กม.

               นอกจากนี้มีสาย แม่ริม-สะเมิง จะสร้างในปี ๒๕๑๔ เป็นถนลูกรังใช้ได้ทุกฤดูกาล อีกสองสายคือ จาก ฮอด-แม่แจ่ม-แม่สะเรียง กับสายอมก๋อย-ฮอด ก็จะสร้างในปี ๒๕๑๔ เช่นกัน ส่วนสายท่าลี่-ริมปิง ซึ่งมีระยะทาง ๒๓ กม. จะทำเป็นถนนลาดยาง ในวงเงินงบประมาณ ๕ ล้านบาท เริ่มปี ๒๕๑๔ กำหนดสร้างเสร็จภายใน ๒ ปี

     สาย จากสันทรายไปพร้าว จะสร้างโดยเงินกู้ ในเดือนสิงหาคมนี้ สายดอยเต่า-ฮอด ทำเป็นถนนลูกรัง ในวงเงิน ๒ ล้านบาท สร้างในปี ๒๕๑๔ และสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามน้ำแม่กวง ในถนนท่าจักร-แม่ทา ในปีเดียวกันนี้ด้วย

     ส่วนถนนที่จะสร้างตามโครงการในปี ๒๕๑๕ มีสายฝาง-ท่าตอน เป็นถนนลาดยาง สายวังเหนือ-พะเยา และสายแม่ขะจาน-วังเหนือ รวม ๓ สาย

      ก่อน จบการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้เรียนถามเรื่องป้ายบอกชื่อหมู่บ้าน ซึ่งทางบริษัทรับเหมาสร้างทางทำบอกไว้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ถนนไฮเวย์ลำปาง-เชียงใหม่ผ่าน ได้เขียนชื่อผิดจากชื่อจริงหลายแห่ง จะมีการแก้ไขหรือไม่

     อธิบดีกรมทาง ตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบมาก่อน เพิ่งจะทราบตอนผู้สื่อข่าวถามนี้เอง เมื่อมีการผิดพลาดเช่นนั้นก็จะได้สั่งการให้รีบดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องต่อ ไป.” (นสพ. คนเมือง,๒๕ เม.ย.๒๕๑๓)

               พ.ต.อ.อนุ เนินหาด ผกก.สภ.พร้าว

            

                

      คัดลอกบทความจาก                                                 http://www.thainews70.com/news/news-culture-arnu/view.php?topic=226

ความคิดเห็น