แนวทางการปลูกฝังให้เยาวชนเป็นมุสลิมที่ดี :ลูกต้องเป็นผู้มีอะมานะฮฺ

 แนวทางการปลูกฝังให้เยาวชนเป็นมุสลิมที่ดี :ลูกต้องเป็นผู้มีอะมานะฮฺ

   

by : อบูนุรฮิดายะฮฺ           

    เด็กๆและเยาวชนที่รัก คำว่า "อะมานะฮฺ"(1) เป็นภาษาอาหรับ ที่มีรากฐานมาจากคำว่า "อิหม่าน"(2) เพราะทั้งสองคำนี้สัมพันธ์กันอย่างแน่นเฟ้น ระหว่าง มุอฺมีน(3) ผู้ศรัทธา กับผู้มีอะมานะฮฺเพราะผู้ที่ศรัทธาอย่างแท้จริงนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีอะมานะฮฺ หรือกล่าวได้ว่า คุณสมบัติผู้ที่มีอิหม่านคือสัญญลักษณ์ของผู้ศรัทธานั้นเอง 

   คำว่าอะมานะฮฺ มีความหมายกว้างขวาง คือมีความหมายครอบคลุม ถึงบุคลิกลักษณะของผู้ที่ได้รับความเชื่อถือ ไว้วางใจ เป็นผู้มีสัจจะ รักษาคำพูด ไม่โกหกมดเท็จ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความยุติธรรมมีความรับผิดชอบต่อตนเองตามสถานะภาพ ความรับผิดชอบที่จะต้องคุ้มครองดูแล และพิทักษ์ คน สิ่งของ ที่อยู่ในความพิทักษ์ของตน และความมีอะมานะฮฺครอบคลุมทั้งกายและใจ รวมทั้งในที่ลับ และที่แจ้ง  

     ลูกรัก ลักษณะของ อะมานะฮฺ เป็นคุณลักษณะของมุสลิมผู้มีอิหม่าน เป็นคุณสมบัติที่อัลลอฮทรงรักใคร่และโปรดปราน และมีลักษณะตรงกันข้ามซึ่งเป็นลักษณะที่เราต้องละเว้น คือ มุนาฟิก(4)ซึ่งเป็นลักษณะที่อัลลอฮฺทรงกริ้วโกรธ   

   อบูฮุร็อยเราะฮฺ รฏิฯ เล่าว่าท่านศาสดา มุฮัมมัดศอลฯ กล่าวว่า   

   - เครื่องหมายของมุนาฟิก (ผู้กลับกลอก ตีสองหน้า) คือ

   - เมื่อเขาพูด เขาโกหา

   - เมื่อเขาสัญญา เขาผิดสัญญา

   - เมื่อเขาได้รับความไว้วางใจ เขาทุจริต  

   ลักษณะ "มุนาฟิก" เป็นลักษณะตรงกันข้ามกับคุณลักษณะ "อะมานะฮฺ",มุนาฟิกเป็นลักษณะของ ผู้ไม่ศรัทธา และเป็นลักษณะที่อัลลอฮฺไม่ทรงโปรดปราน เป็นลักษณะที่พระองค์ทรงโกรธกริ้วยิ่งนัก ดั่งที่อัลลอฮฺตรัสว่า  

   "แท้จริงบรรดามุนาฟิก (ผู้กลับกลอก ตีสองหน้า) นั้นจะต้องอยู่ชั้นล่างสุดของไฟนรก และเจ้าจะ ไม่พบว่ามีผู้ช่วยเหลือพวกเจ้า" 

   ลูกรัก ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ และความเชื่อถือไว้วางใจ เป็นคุณสมบัติหนึ่งของมุสลิมอย่างแท้จริง เป็นคุณสมบัติที่เกิดขึ้น กับมุอฺมิน ผู้ศรัทธา เป็นการสะท้อนความเป็นผู้มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ และมีสัจจะ 

   อัลลอฮฺได้ตรัสในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลมะอาริจญ์ 70 : 32 - 35 ความว่า  

   "และบรรดาผู้ที่ระวังรักษาสิ่งที่ได้รับมอบหมาย (อะมานะฮฺ) ของพวกเขาและคำมั่นสัญญาของพวกเขา และบรรดาผู้ที่ดำรงมั่นต่อการเป็นพยานของพวกเขา และบรรดาผู้ที่ดำรงรักษาการละหมาดของพวกเขาชนเหล่านั้นจะอยู่ในสวนสวรรค์อันหลากหลายเป็นผู้ได้รับเกียรติ"  

   ผู้รักษาอะมานะฮฺ ผู้ดำรงมั่นต่อการเป็นพยาน ผู้ดำรงรักษาการละหมาดนั้น แน่นอนที่สุดอัลลอฮฺทรงสัญญาเขาคือสวรรค์อันหลากหลาย 

   คำอรรถาธิบายลักษณะของการรักษาอะมานะฮฺ คือการรักษาอะมานะฮฺและและสัญญาต่างๆ ที่สำคัญ นั้นคือการเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และจะต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญานั้นตลอดไป นอกเหนือไปจากการรักษาอะมานะฮฺ และคำมั่นสัญญาที่มีต่อกันระหว่างมนุษย์ การรักษาไว้ซึ่งอะมานะฮฺ และคำมั่นต่อสัญญาเป็นลักษณะประจำตัวของมุอฺมินและการไม่รักษาไว้ซึ่งอะมานะฮฺและบิดพริ้วต่อคำมั่นสัญญาเป็นลักษณะประจำตัวของมุนาฟิก และกาฟีร(4)

   ลูกรัก การไม่รักษาสัญญา การไม่ปฎิบัติตามคำมั่นสัญญา การไม่รักษาไว้ซึ่งอะมานะฮฺและบิดพลิ้วคำมั่นสัญญา เป็นลักษณะประจำตัวของมุนาฟิก ลักษณะของมุนาฟืซึ่งเป็นลักษณะที่อัลลอฮฺไม่ทรงโปรด และกริ้วโกรธและอัลลอฮฺได้กล่าวถึงบทลงโทษในอัลกุรอาน 

   อัลลอฮฺได้ตรัสในอัลกุนรอานซูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ 9 : 67 - 68 ความว่า 

   "บรรดามุนาฟิกชาย และบรรดามุนาฟิกหญิงนั้นบางส่วนของพวกเขา ต่างมาจากอีกบางส่วนซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ปฎิบัติในสิ่งที่ไม่ชอบและห้ามปรามในสิ่งที่ชอบ และกำมือ (บ่งถึงการตระหนี่ไม่ยอมจ่ายทรัพย์ในทางอัลลอฮ)ฺ ของพวกเขาไว้โดยที่พวกเขาลืมอัลลอฮฺ ที่ทรงบังเกิดเขา และมีความกรุณาเมตตาต่อพวกเขาแล้วพระองค์ก็ทรงลืมพวกเขาบ้าง แท้จริงบรรดามุนาฟิก นั้นพวกเขาคือผู้ละเมิด"  

   อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาแก่บรรดามุนาฟิกชาย และบรรดามุนาฟิกหญิง และ ผู้ปฎิเสธศรัทธา ทั้งหลาย ซึ่งไฟนรกญะฮันนัม โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล มันเป็นสิ่งที่พอเพียงแก่พวกเขาแล้ว และอัลลอฮฺก็ได้ทรงให้พวกเขาห่างไกลจากความเอ็นดูเมตตาของพระองค์ และสำหรับ พวกเขานั้นคือ การลงโทษอันจีรังยั่งยืน?  

   จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมมุนาฟิก เป็นพฤติกรรมที่อัลลอฮฺทรงกริ้วโกรธ และผลตอบแทนพวกเขาคือ ไฟนรกญะฮันนัม ที่ถูกลงโทษให้อยู่ในนั้นตลอดกาล เป็นสิ่งที่ทำให้ห่างไกลจากความเอ็นดูความเมตตาของอัลลอฮฺนั้นเอง  

   อิบนิอับบาส รฏิฯ ได้อธิบายความหมาย "อะมานะฮ"ว่า "เป็นพฤติกรรมที่อัลลอฮฺมีโองการมอบหมายให้บ่าวของพระองค์ถือปฎิบัติ และถือเป็นข้อบัญญัติทางศาสนา รวมถึงการได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแล สิ่งของซึ่งผู้อื่นมอบความไว้วางใจสำหรับพวกเขา"  

   อัลกุรอ่าน ซูเราฮฺ อันนิสาอฺ 4 ; 58 ความว่า 

   "แท้จริงอัลลอฮทรงใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้า ตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮฺทรงแนะนำพวกเจ้าด้วย สิ่งซึ่งดีจริงๆ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น"  

   ลูกรัก ลูกต้องตระหนักเสมอ ว่า ผู้ที่มีคุณลักษณะอะมานะฮฺอย่างมั่นคงแท้จริงแล้ว ลูกก็จะเป็นผู้ที่อัลลอฮฺทรงสัญญาว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในท่ามกลางผู้ศรัทธาดังที่อัลลอฮฺกล่าวในอัลกุรอ่าน  

   อัลกุรอ่านซูเราะฮฺ อัลมุมีนูน 23 ; 8 - 11 ความว่า  

   "และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้เอาใจใส่ต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายของพวกเขา และสัญญาของพวก เขา และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษาการละหมาดของพวกเขา ชนเหล่านี้แหละพวกเขาเป็นทายาท ซึ่งพวกเขาจะได้รับมรดกสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์ พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล" 

   การที่เป็นผู้ที่มีอะมานะฮฺเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมาย ได้รับความไว้วางใจและเขาไม่เป็นผู้บิดพลิ้ว หรือไม่ผิดสัญญา ไม่ดกหกรวมทั้งการเป็นผู้รักษาไว้ซึ่งการละหมาด ก็จะเป็นผู้ที่มีสิทธิได้รับการตอบแทนจากอัลลอฮฺ คือสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์ ซึ่งเป็นสวนสวรรค์ชั้นสูงสุดนั้นเอง

   ความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ผู้ที่เอาใจใส่ต่อความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายซึ่งกล่าวรวมว่า อะมานะฮฺนั้น คือสัญลักษณ์ของมุอฺมีนผู้ศรัทธา และคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์ บิดพลิ้วต่อสัญญา คือ สัญลักษณ์ของผู้ปฏิเสธ นั้นเอง 

   ท่านศาสดา มุฮัมมัดศอลฯ กล่าวว่า   

   "ผู้ใดไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีอะมานะฮฺ เสมือนผู้ไม่ศรัทธา ผู้ไม่รักษาสัญญาเป็นผู้ไม่ศรัทธา" (อะหมัด)  

   อับดิ้ลลาฮฺ รฏิ ฯ เล่าว่าท่านศาสดา มูฮัมมัด ศอลฯ กล่าวว่า 

   "พวกท่านต้องมีสัจจะ เพราะสัจจะจะนำสู่ความดี และแท้จริงความดีจะนำไปสู่สวรรค์ ชายคนหนึ่งคงมีสัจจะ และเคยชินกับการมีสัจจะ จนเขาถูกบันทึก ณ อัลลอฮฺว่า เป็นผู้มีสัจจะ และพวกท่านต้องระวังการโกหก เพราะแท้จริงนั้นการโกหกจะนำไปสู่ความชั่ว และแท้จริงความชั่วนั้นจะนำไปสู่นรก ชายหนึ่งยังคงโกหก และเคยชินกับการโกหก จนเขาถูกบันทึก ณ อัลลอฮฺว่าเป็นจอมโกหก (รายงานโดย สี่คน)  

     ลูกรัก คุณลักษณะซึ่งอัลลอฮฺทรงมอบหมายให้บ่าวของพระองค์ยึดถือปฏิบัติหลายประการ ที่เกี่ยวเนื่องกับอะมานะฮฺ ร่างกายทุกส่วนย่อมถือปฏิบัติที่สอดคล้องกับอะมานะฮฺ เช่น

   ลิ้น ลิ้นของเราย่อมมีความรับผิดชอบด้วยการไม่พูดโกหก มดเท็จ พูดกลับคำ หลอกลวง พูด หรือกุเรื่อง ปั้นน้ำเป็นตัว การพูด หรือสอนที่บิดเบือน หรือเบี่ยงเบน เพิ่มเติมในคำสอนอิสลาม เพราะทุกการกระทำที่เกิดจากลิ้นที่บิดเบือนคำสอนเป็นเรื่องการนำสู่ไฟนรก  

   ตา สายตา หรือตา มีอะมานะฮฺ ความรับผิดชอบด้วยการมอง ไม่มอง ดู หรือจ้องในสิ่งที่เป็นสิ่งต้องห้าม หรือสิ่งที่เป็นหะรอมในอิสลาม 

   หู การฟัง การได้ยินนั้น ต้องเป็นหูที่มีอะมานะฮฺ มีความรับผิดชอบด้วยการไม่ฟังในสิ่งที่เป็นเรื่องราว การบอเล่าในสิ่งที่เป็นหะรอม หรือต้องห้ามในอิสลาม เช่นการนินทา การปรักปร่ำการกล่าวหาใส่ร้ายเป็นต้น และส่วนต่างๆ ที่เป็นอวัยวะในร่างกาย สามารถนำไปเปรียบเทียบการกระทำที่เป็นอะมานะฮฺ" 

   ลักษณะของการมีอะมานะฮฺ อีกประการหนึ่ง เช่นเมื่อมีคนฝากสิ่งของ หรือให้ยืม ให้เช่าแก่อีกผู้หนึ่ง เขาต้องมีอะมานะฮฺ มีความรับผิดชอบในการดูแล รักษา และต้องคืนเขา พ่อค้าหรือผู้มีอาชีพอื่นๆก็ต้องมีอะมานะฮฺ หรือความรับผิดชอบที่จะไม่ ฉ้อ คดโกง กับอาชีพของเขา เช่น โกงตาชั่ง เครื่องวัดตวง และพวกเขาต้องมีความรับผิดชอบด้วยการกระทำด้วยความยุติธรรม เที่ยงตรง  

   อัลลฮฺทรงตรัสในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ 55 : 8 -9 ความว่า  

   "เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่ฝ่าฝืนในเรื่องการชั่ง ตวง วัด และจงธำรงไว้ซึ่งการชั่งด้วยความเที่ยงธรรม และอย่าให้ขาด หรือหย่อนตาชั่ง" 

   อัลกุรอ่าน ซูเราะฮฺ อัลอิสรออฺ 17 : 35 ความว่า

   "และจงตวงให้เต็ม เมื่อพวกเจ้าตวงและจงชั่งด้วยตาชั่งที่เที่ยงตรง นั้นเป็นการดียิ่ง และเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่า"  

   ดังนั้นการรักษาในเรื่องของการชั่ง ตวง วัด ให้ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น เป็นการรักษาไว้ซึ่งอะมานะฮฺในการปฎิบัติต่อกันและกันและเป็นการแสดงออกถึง การมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ นอกจากนั้น ยังทำให้มีความเชื่อมั่นในจิตใจและมีความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิตอีกด้วย 

   นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ อะหลิ่มอุลามะฮฺ ที่มีหน้าที่ในการอบรมสั่งสอน ชี้แนะในสิ่งที่ดีงาม แนะนำในการกระทำความดีละเว้นการกระทำความชั่ว

   ผู้นำผู้ปกครอง นักบริหาร นักการเมือง ผู้มีหน้าที่พิทักษ์ดูแลในฐานะเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ หรือตัวแทนและมีอำนาจหน้าที่ของเขา 

   ท่านศาสดา มูฮัมมัดศอลฯ กล่าวว่า   

   "ไม่มีเจ้าเมืองคนใดที่ปกครองกิจการของมุสลิม หลังจากนั้นเขาไม่ใช้ความพยายาม เพื่อประชาชน และไม่สั่งสอนนอกจากเขาไม่ได้เข้าสวรรค์พร้อมกับพวกเขา"  

   ท่านศาสดา มุฮัมมัดศอลฯ กล่าวว่า  

   "ไม่มีผู้ปกครองคนใดที่ปกครองประชาชนของเขาที่เป็นมุสลิม ต่อมาเขาได้เสียชีวิต ในสภาพหลอกลวง พวกเขา นอกจากอัลลอฮฺจะห้ามเข้าสวรรค์ (บุคคอรี ,มสลิม)  

   ท่านศาสดาฯ ศอลฯ จึงกำชับให้มุสลิม ต้องมีอะมานะฮฺ ทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตน"  

   อิบนิอุมัร รฏิ ฯ เล่าว่าท่านศาสดา มูฮัมมัด ศอลฯ กล่าวว่า  

   "โปรดทราบเถิด พวกท่านทุกคนมีหน้าที่ดูแล และพวกท่านต้องรับผิดชอบในสิ่งที่อยู่ในความดูแลนั้น ดังนั้นผู้นำเป็นผู้ดูแลประชาชน และต้องรับผิดชอบต่อประชาชนของเขา

   ผู้ชายมีหน้าที่ดูแลครอบครัวของเขา และต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา ผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลครอบครัวของสามี และบุตรของสามี และต้องรับผิดชอบในตัวเขา ทาส คนรับใช้ ของคนหนึ่งมีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของนาย และต้องรับผิดชอบในทรัพย์สินนั้น ดังนั้น พึงทราบเถิดว่า พวกท่านทุกคนมีหน้าที่ดูแล และพวกท่านทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่อยู่ในความดูแลนั้น (รายงานโดยห้าคน)  

     ลูกรัก อะมานะฮฺ คือข้อบัญญัติที่กำหนดแก่มุสลิมให้มีความรับผิดชอบในวิถีชีวิตประจำวัน นับตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อย จนถึงเรื่องใหญ่เพราะการกระทำทุกอย่างจะถูกบันทึกและและพิจารณาในวันแห่งการพิพากษา"   

   อัลลอฮฺ ตรัสในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอัมบิยาอฺ 21 : 47 ความว่า  

   "และเราจะตั้งตราชูที่เที่ยงธรรมสำหรับวันกิยามะฮฺ ดังนั้นจะไม่มีชีวิตใดถูกอธรรมแต่อย่างใดเลย และแม้ว่ามันเป็นเพียงน้ำหนักเท่าเมล็ดพืชเล็ก เราจะนำมันมาแสดงและเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับเราที่เป็นผู้ชำระสอบสวน" 

   ลูกรัก ตราชู หรือตาชั่งของอัลลอฮฺนั้น จะถูกนำมาใช้ในวันกิยามะฮฺ จะมีตาชั่งไว้ชั่ง บันทึกผลงาน หรือชั่งผลงาน หลังจากความดีต่างๆ ไว้กลายเป็นรูปร่างที่มีรัศมีและความชั่วได้กลายเป็นรูปร่างที่มืดมน ตาชั่งนั้นจะมีจานรองสองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับความดี และอีกด้านหนึ่งสำหรับความชั่ว หรือคำว่าตาชั่งนั้นเปรียบเทียบที่หมายถึง การคำนวณผลงานและกำหนดการตอบแทนแก่ผลงานนั้น (4)  

   อับดิ้ลลาฮฺ รฏิ ฯ เล่าว่าท่านศาสดา มูฮัมมัด ศอลฯ กล่าวว่า  

   "สำหรับผู้ที่หักหลัง (ผิดสัญญา) ทุกคนนั้นจะมีธง (ประจานตัวเอง) ในวันกิยามะฮฺ ซึ่งธงนั้นจะเป็นเครื่องหมาย ให้ผู้คนได้รู้จักเขา จะมีผู้กล่าวว่า นี้ คือการหักหลังของคนนั้นคนนี้" (บุคคอรี.มุสลิม,ตีรมีซีย์)  

   อะมานะฮฺ เป็นทั้งความเชื่อถือ ไว้วางใจ และความรับผิดชอบ ซึ่งมีหลายระดับ นับตั้งแต่ผู้นำ หรือผู้ปกครอง ประชาชน เป็นอะมานะฮฺซึ่งต้องรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่รับผิดชอบต่อประชาชน จนกว่าทุกข์ของปราะชาชนต้องได้รับการแก้ไข  

   ครั้งหนึ่งซอฮาบะฮฺ อบูซัรร์ อัลฆีฟารี รฏิเล่าว่าฉันได้กล่าวแก่ท่านศาสดาฯ ศอลฯว่า  

   "โอ้ผู้นำสาสนแห่งอัลลอฮฺ ท่านจะไม่แต่งตั้งข้าพเจ้าให้มีตำแหน่งหน้าที่ หรือเป็นผู้รับผิดชอบหรือ" ท่านศาสดาฯ ศอลฯ จึงใช้มือทุบไหล่ และกล่าวว่า 

   "อบูซัรร์ ท่านเป็นผู้อ่อนแอ และอำนาจหน้าที่เป็นอะมานะฮฺ ในวันแห่งการตัดสินนั้น จะเป็นต้นเหตุให้ท่านเสื่อมเสียเกียรติ และตกต่ำ สำนึกผิด เว้นแต่ผู้ซึ่งมีความสามารถทำให้ภาระความรับผิดชอบลุลวงทำให้ภารกิจดำเนินไปอย่างเหมาะสม" (มุสลิม)  

   ลูกรัก พึงตระหนักเสมอว่า อัลลอฮฺทรงติดตามเฝ้าดูทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ในพฤติกรรมที่เกี่ยวพันธ์กับ อะมานะฮฺ ของคนคนหนึ่ง การเคารพต่อคำสั่งของท่านศาสดาฯ ศอลฯ คำสอนที่ใช้ให้ปฎิบัติ หรือให้ละเว้น คืออะมานะฮฺ การปกป้องป้องกันและต่อต้านทั้งหมดในศาสนาคือ อะมานะฮฺ หากมิเช่นนั้นแล้ว เราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ศรัทธา ต่ออัลลอฮฺและศาสดาฯของพระองค์  

   อับดุลลอฮฺ อิบนิมัสอูด รฏิ ฯ เล่าว่าท่านศาสดา มูฮัมมัด ศอลฯ กล่าวว่า  

   "ในวันแห่งการตัดสิน คนผู้หนึ่ง ซึ่งไม่มีความซื่อสัตย์ในการรักษา 'อะมานะฮฺ' เขาจะถูกนำมาและถูกกล่าวแก่เขาว่า 'นี้คืออะมานะฮฺของท่าน' 

   แล้วเขาจะตอบว่า 'จะเป็นอย่างไร' โอ้พระผู้เป็นเจ้าของข้า ฯและชีวิตได้ตายแล้ว"  

   แล้ว "อะมานะฮฺ" ก็จะปรากฎต่อหน้าเขาในลักษณะเดียวที่เขาเคยได้รับในวันที่เขาเคยได้รับมัน ละมันจึงตกไปอยู่ก้นของไฟนรก และกล่าวแก่เขาว่า  

   "จงลงไป และออกไป" แล้วเขาจะลงไป และบนบ่าเขาจะแบกมันซึ่งหนักกว่าภูเขาทั้งหมดที่มีในโลก ทุกครั้งที่เขาคิดถึงมัน เขาก็จะตกลง แล้วตกอีก และเป็นเช่นนี้ตลอดไป

   ท่านศาสดาฯ ศอลฯกล่าวว่า "การละหมาด คือ อะมานะฮฺ, การทำวูฎุ คือ อะมานะฮฺ, ฆุลส (การชำระล้างทั่วร่างกาย)เป็นอะมานะฮฺ, การชั่งสิ่งของ คือ อะมานะฮฺ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับผิดชอบสิ่งของฝากของผู้อื่นคือ อะมานะฮฺ " (อะหมัด)  

   ลูกรัก อะมานะฮฺ ยังมีส่วนสำคัญซึ่งเป็นตัวกำหนด หรือสัญญาณแห่งวันสิ้นสุดแห่งสากลโลก หรือวันกิยามะฮฺ   

   จริยาวัตรท่านศาสดาฯ ศอลฯ มีชายคนหนึ่งเข้ามาหาท่านศาสดาฯ ศอลฯ และถามท่านฯว่า  

   "เมื่อไหร่ วาระวันสิ้นโลกจะมาถึ่ง" ท่านศาสดาฯ ศอลฯ ตอบว่า

   "เมื่ออะมานะฮฺได้สิ้นลง และรอเวลานั้น" ชายผู้นั้นจึงถามต่อว่า

   "มันจะสูญหายอย่างไร" ท่านศาสดาฯ ศอลฯ ตอบว่า 

   "เมื่ออำนาจและหน้าที่ได้ตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่เหมาะสมแล้ว จงรอเวลานั้น" (บุคคอรี)  

   ลูกรัก มุสลิมที่แท้จริงนั้น ควรที่จะเป็นผู้ที่ทำอะไร ตามที่ได้กำหนด หรือมอบหมายในสิ่งที่ดีงาม เป็นผู้ที่มีสำนึกและประเมินตนเสมอว่า ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือความสามารถ ทักษะซึ่งอัลลอฮฺได้ประทานแก่ตนนั้นมีความเหมาะสม สมควร หรือสอดคล้องกับเงื่อนไขซึ่งเขาจะรับผิดชอบในการกระทำความดีหรือไม่?  

   อัลลอฮฺ ได้ทรงตรัสถึงภาระอันหนักอึ้ง และภาระอันยิ่งใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบ และกล่าวถึงมนุษย์นั้นมักเป็นผู้อธรรมและไม่รู้ถึงบั้นปลายแห่งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ดัง   

   ในอัลกุรอ่านซูเราะฮฺ อัลอัลอะฮฺซาบ 33 ; 72 ความว่า

   "แท้จริง เราได้เสนอการอะมานะฮฺ แก่ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และขุนเขาทั้งหลาย แต่พวกมันปฎิเสธที่จะแบกรับมันและกลัวต่อมัน (คือภาระอันหนักอึ้ง) และมนุษย์ได้แบกรับมัน แท้จริงเขา (มนุษย์)เป็นผู้อธรรมงมงายยิ่ง"  

   ลุกรัก แน่นอนที่สุด มนุษย์ที่มีความศรัทธา และมีความรับผิดชอบ เขาย่อมกลัวว่า เขาอาจจะถูกลงโทษ หากพวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบ ต่อ อะมานะฮฺ ในทางที่ชอบ  

   ท่านศาสดา มูฮัมมัด ศอลฯ กล่าวว่า  

   "ผู้ใดไม่รักษา อะมานะฮฺ เป็นผู้ไม่มีอิหม่านศรัทธา และผู้ใดไม่ดำรงการละหมาดเป็นผู้ปฏิเสธ ตำแหน่งที่ตั้งของผู้ละหมาดมีความสัมพันธ์ทางศาสนา เสมือนตำแหน่งที่ตั้งของศีรษะที่อยู่บนเรือนร่าง" (อัฏฏอบรอนี)  

 กรณีศึกษาตัวอย่าง  

   "เรื่องความบริสุทธิ์ใจ และความจริงจังแสดงออกถึงคุณค่าของคุณธรรม"  

   มีชายคนหนึ่งได้ซื้อบ้านหลังหนึ่งจากชายคนหนึ่ง เมื่อเขาได้รื้อถอนบ้านดั่งกล่าวเขากลับพบโอ่งใบหนึ่ง ซึ่งในโอ่งนั้นพบว่ามีทองคำบรรจุอยู่เต็มโอ่ง เขาจึงนำโอ่งใบนั้นไปคืนชายผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เขาซื้อมา โดยกล่าวว่า "จงนำทองคำของท่านคืนเถิด"  

   ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านเดิม กล่าวแก่เขาว่า "ด้วยพระนามแห่งองค์อัลลอฮฺ นั้นไม่ใช่ของข้าฯ และข้าฯจะไม่รับสิ่งของที่ข้าฯไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมัน"  

   "ข้าฯพบมัน ขณะที่ ข้าฯรื้อถอนบ้านที่ข้าฯ ซื้อจากท่าน ข้าเพียงแต่ซื้อบ้านจากท่านเท่านั้น แต่ข้าไม่ได้ซื้อทองคำเหล่านั้นแต่อย่างใด"

   "ข้าเองไม่รู้เรื่องทองคำดังกล่าวเช่นกัน" 

   เมื่อทั้งสองไม่สามารถตกลงเรื่องใครคือเจ้าของทองคำในโอ่งที่แท้จริง เขาทั้งสองจึงนำเรื่องให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยตัดสิน และผู้พิพากษาได้สอบถามชายผู้ซื้อบ้านว่า   

   "ท่านมีบุตรหรือไม่ ?" 

   ชายผู้ซื้อบ้านตอบว่า "ข้าฯฉันมีบุตรชายหนึ่งคน"  

   ผู้พิพากษาจึงถามชายผู้ขายบ้านว่า "ท่านมีบุตรหรือไม่?"

   ชายผู้ขายบ้านจึงตอบว่า "ข้าฯมีบุตรสาวหนึ่งคน" 

   ผู้พิพากษาจึงกล่าวแก่ชายทั้งสองว่า "จงจัดการแต่งงานแก่เขาและเธอทั้งสอง และจงนำทองคำดังกล่าว ใช้จ่ายในการแต่งงานของเขา"  

   ลูกรัก จงเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น ในการปฎิบัติตนเป็นผู้ที่มีอะมานะฮฺ ไม่ว่าจะเป็นพันธะ เรื่องราวที่เป็นแก่นสาร เรื่องใหญ่ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตามและจงหมั่นขอดุอาต่ออัลลอฮฺ ให้ทรงโปรดประทานให้เราเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางผู้ที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ และมีอะมานะฮฺ ตลอดไป อามีน 

   "โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และอยู่ร่วมกับบรรดาผู้มีสัจจะ"

   " CHILDREN SHOULD KEEP TRUSTS"  

   เชิงอรรถ  

   (1) อะมานะฮฺ มีความหมายกว้างขวาง คือมีความหมายครอบคลุม ถึงบุคลิกลักษณะของผู้ที่ได้รับความเชื่อถือ ไว้วางใจ เป็นผู้มีสัจจะ รักษาคำพูด ไม่โกหก มดเท็จ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความยุติธรรมมีความรับผิดชอบต่อตนเองตามสถานะภาพ ความนับผิดชอบที่จะต้องคุ้มครองดูแล และพิทักษ์ คน สิ่งของ ที่อยู่ในความพิทักษ์ของตน และความมีอะมานะฮฺครอบคลุมทั้งกายและใจ รวมทั้งในที่ลับ และที่แจ้ง  

   (2) อิหม่าน แปลว่า ความศรัทธา

   (3) มุอฺมีน หมายถึง ผู้ศรัทธา เป็นคำที่ใช้เรียกมุสลิม ผู้ที่แสดงออกถึงความศรัทธา ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ศุบฯ อย่างแท้จริง

   (4) กาฟีรแปลว่ากลบ ถูกฝัง ปกปิด ผู้ถูกปกปิด ถูกซ่อน ความจริง หมายถึงผู้มิได้เป็นมุสลิม  

   (5) มุนาฟิก (ผู้กลับกลอก ตีสองหน้า) คือลักษณะ "มุนาฟิก" เป็นลักษณะตรงกันข้ามกับคุณลักษณะ "อะมานะฮฺ" คือ หนึ่งเมื่อเขาพูด เขาโกหก, สองเมื่อเขาสัญญา เขาผิดสัญญา,สามเมื่อเขาได้รับความไว้วางใจ เขาทุจริต,มุนาฟิกเป็นลักษณะของ ผู้ไม่ศรัทธา และเป็นลักษณะที่อัลลอฮฺไม่ทรงโปรดปราน เป็นลักษณะที่พระองค์ทรงโกรธกริ้วยิ่งนัก   

   คู่มือสร้างเยาวชนให้เป็นมุสลิม (ส่วนหนึ่งทางนำท่านศาสดาฯ ศอลฯ) 85


   ที่มาของบทความ http://www.thaingo.org/writer/view.php?id=1536

ความคิดเห็น