การจับผู้ค้าเผาฝิ่นและอุปกรณ์สูบฝิ่นที่ประตูท่าแพประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒

 ซะป๊ะเรื่องเก่า        

         

   รายละเอียดข่าว

                  

      ย้อนเหตุการณ์ที่เชียงใหม่(๑๑)

       

ภาพจากการค้นหาจากกูลเกิ้ล(ใช้เพื่อการศึกษา)        ภาพ บน.....การเผาฝิ่นและอุปกรณ์สูบฝิ่นที่ประตูท่าแพ

         ประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒ หลังจากมีกฎหมายห้ามสูบฝิ่นแล้ว ทางราชการมีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนและยึดสิ่งของที่เกี่ยวข้องมาเผาทำลาย ตามนโยบายรัฐบาลสมัยนั้น(ภาพโดยคุณบุญเสริม สาตราภัย).

    โรงยาฝิ่น กับคนสูบ ภาพจากอินเตอร์เน็ต


               ภาพล่าง.....การจับฝิ่นรายใหญ่ที่มักซุกซ่อนมาในรถยนต์โดยสารประมาณ พ.ศ.๒๔๙๐  (ไม่มีภาพ)        

        การ ค้าฝิ่นเมื่อ ๕๐ ปีเศษที่ผ่านมา พ่อค้านายทุนมักว่าจ้างทหารจีนฮ่อมาคอยคุ้มกัน จึงมักมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าสกัดจับกุม  

      ดังข่าวที่นำเสนอเมื่อกลางปี พ.ศ.๒๔๙๖ "โจรฮ่อจับอดีต ตร.ไปยิงทิ้งในป่า ศพมีรอยถูกเชือดคออย่างทารุณ"             

      "จีน ฮ่อประมาณ ๑๐ คน ได้ก่อการทารุณกรรมขึ้นกับประชาชนชาวไทยอีกรายหนึ่ง ในเขตท้องที่อำเภอเชียงดาว ที่บ้านนาหวาย เมื่อวันที่ ๑๒ เดือนนี้(มิถุนายน) โดยเข้าจับชาวบ้านไปยิงทิ้งและเชือดคอเสียชีวิตอย่างทารุณในกลางป่า ชายไทยผู้เคราะห์ร้ายนี้ คือ นายถา เฟื่องเงิน อดีตนายสิบตำรวจโท ตำรวจเชียงใหม่ กับราษฎรอีก ๒ คน ถูกพวกฮ่อประมาณ ๑๐ คนมีอาวุธปืนทันสมัย จับตัวเข้าไปในป่าและจับมัดกับต้นไม้และใช้ปืนยิงกราดจนสิ้นชีวิต สถานที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านเมืองงายประมาณ ๒๐ ก.ม.            "ชาวบ้านที่ ไปพบศพปรากฏว่า ศพ ส.ต.ท.ถา นอกจากถูกกระสุนปืนหลายแห่งแล้ว ยังมีรอยถูกเชือดคอเกือบขาดเปนที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง"             

    นสพ.คนเมือง ฉบับ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๙๖ รายงานข่าวว่า "ฮ่อผู้ต้องหาฆ่าตำรวจถูกแย่งตัวกลางป่า"           

     "เจ้า หน้าที่อำเภอแม่ริม อันมีนายชวี มัธยมจันทร์ ปลัดอำเภอแม่ริม พร้อมด้วย ส.ต.อ.เชื้อ ทับกล่ำ กับพลตำรวจอีก ๒ นาย ได้มารับตัวนายเลาซาง แซ่เจียว ผู้ต้องหาว่าปล้นและฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสะเมิงตายอย่างทารุณกลางป่า นายเลาซางผู้นี้ทางเจ้าหน้าที่กองจังหวัดจับตัวได้ที่บ้านเลาจิง เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ศกนี้            

    "เจ้าหน้าที่ตำรวจอำเภอแม่ริม มารับตัวนายเลาซางไปสอบสวนดำเนินคดีที่กิ่งอำเภอสะเมิง อันเปนสถานที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ ๑๓ เดือนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาอยู่ในป่าท้องที่อำเภอแม่ริม ได้มีโจรฮ่ออีกคณะหนึ่งเข้าแย่งผู้ต้องหา เกิดยิงต่อสู้กันพักหนึ่ง เมื่อเสียงปืนสงบลง ปรากฏผลว่า นายเลาซางผู้ต้องหาถูกปืนตาย เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย"             

     "ค้นฝิ่น ๒ แสนเศษ ได้ที่บ้าน ต.วัดเกตุ"            

     "เมื่อ วันที่ ๑๔ เดือนนี้(มิถุนายน ๒๔๙๖) เวลาประมาณ ๘.๐๐ น.เศษ เจ้าหน้าที่สรรพสามิตต์ นายสายหยุด เอมหฤทัยกับพวกสืบทราบมาว่าที่บ้านเลขที่ ๑๔๔-๑๔๕ ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลวัดเกตุ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งนายจัว แซ่เจีย เปนเจ้าของได้มีฝิ่นผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง เจ้าหน้าที่ดังกล่าวจึงได้ไปทำการตรวจค้นบ้านนั้น ซึ่งขณะนี้นายจัวเจ้าของบ้านไม่อยู่ คงมีแต่นายจิวเจียก แซ่ตัง ซึ่งมาจากอำเภอสันป่าตองกับพวกเด็กๆ อยู่บ้าน             

       "ผลการตรวจค้น ปรากฏว่าพบฝิ่นดิบน้ำหนัก ๓๕ ก.ก.ราคาประมาณ ๒ แสน ๒ หมื่นบาทใส่กระสอบวางไว้ใต้ตู้ข้างนอก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมนายจิวเจียก พร้อมด้วยฝิ่นของกลางส่งพนักงานสอบสวนอำเภอเมืองเชียงใหม่ฐานสงสัยว่าจะเปน เจ้าของฝิ่นรายนี้"             

      จากปัญหาการลักลอบค้าฝิ่นและการเสพติดฝิ่นทำให้ เกิดผลเสียหายต่อสังคม รัฐบาลจึงประกาศเลิกการเสพฝิ่นในปี พ.ศ.๒๕๐๒ เรื่อยมา รัฐบาลในสมัยของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศคณะปฏิวัติให้เลิกการเสพฝิ่นโดยเด็ดขาด              

     ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๗

       ด้วย คณะปฏิวัติได้พิจารณาเห็นว่า การเสพย์ฝิ่นเป็นที่รังเกียจในวงการสังคมและเป็นอันตรายแก่สุขภาพและอนามัย อย่างร้ายแรง ประเทศต่างๆ ได้พยายามเลิกการเสพย์ฝิ่นโดยเด็ดขาดแล้ว จึงเห็นเป็นการสมควรให้เลิกการเสพย์ฝิ่นและการจำหน่ายฝิ่นในประเทศไทยเสีย             

    หัวหน้าคณะปฏิวัติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

      ข้อ ๑. ให้เลิกการเสพย์ฝิ่นและยกเลิกการจำหน่ายฝิ่นทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาตามประกาศนี้            

     ข้อ ๒. เพื่อให้การเลิกการเสพย์ฝิ่นเป็นไปโดยเรียบร้อยภายในระยะเวลาสมควร ให้กระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้            

     (๑) ประกาศให้ผู้สูบฝิ่นหรือมูลฝิ่นซึ่งยังมิได้ขึ้นทะเบียนขอรับอนุญาตให้ไป ขึ้นทะเบียนขอรับอนุญาตเสพย์ฝิ่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เสร็จสิ้นภายในวัน ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๑             

       (๒) กวดขันมิให้ผู้ใดเสพย์ฝิ่นหรือมูลฝิ่น ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๒ เป็นต้นไป นอกจากผู้ที่มีใบอนุญาตเสพย์ฝิ่น             

     (๓) ให้ยุบเลิกร้านจำหน่ายฝิ่นให้หมดสิ้นเด็ดขาดภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๐๒             

   ข้อ ๓. ให้กระทรวงสาธารณผสุขและกระทรวงมหาดไทยจัดให้มีสถานพยาบาลและสถานพักฟื้นสำหรับผู้เสพย์ฝิ่นติดมารักษาพยาบาลและพักฟื้น             

     ข้อ ๔. ภายในระยะเวลาหกเดือนนับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๒ เป็นต้นไป บุคคลที่เสพย์ฝิ่นติดไม่ว่าจะมีใบอนุญาตให้สูบฝิ่นหรือไม่ ถ้าประสงค์จะเข้ารักษาพยาบาลและพักฟื้นในสถานที่ดังกล่าวในข้อ ๓. ให้เจ้าหน้าที่รับตัวไว้รักษาพยาบาลและพักฟื้นได้ไม่เกินเก้าสิบวัน            

      ข้อ ๕. นับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๒ เป็นต้นไป ผู้ใดเสพย์ฝิ่นหรือมูลฝิ่น นอกจากมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยฝิ่นแล้ว เมื่อพ้นโทษให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจมีอำนาจส่งตัวผู้นั้นเข้าทำ การรักษาพยาบาลและพักฟื้นในสถานที่ดังกล่าวในข้อ ๓ ได้ตามกำหนดเวลาที่เห็นสมควร ซึ่งต้องไม่เกิน ๙๐ วัน             

   ให้ถือว่าผู้ ที่อยู่ในสถานพยาบาลและสถานพักฟื้นตามความในวรรคก่อน เป็นผู้อยู่ในระหว่างคุมขัง ตามอำนาจของพนักงานสอบสวนตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งถ้าหลบหนีก็มีความผิดต้องระวางโทษตามประมวลกฎหมายนั้น             

   ประกาศ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๑

               จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ หัวหน้าคณะปฏิวัติ

               

      ใน เช้าวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๐๒ เจ้าหน้าที่นับพันๆ และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตนับร้อยคนได้ออกตระเวนไปยังโรงฝิ่นต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรซึ่งมีทั้งหมด ๘๗๕ โรง รวมทั้งพระนครธนบุรี ๙๐ โรง เพื่อจัดการปิดโรงฝิ่นเหล่านี้พร้อมกัน อุปกรณ์การเสพฝิ่นนับพันรายการได้ถูกนำทยอยไปยังสนามหลวง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พลเอกประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีมหาดไทยและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก ได้ไปประชุมกันอย่างคึกคักด้วยหน้าตาเบิกบานให้การเลิกฝิ่นได้สำเร็จ ในคืนวันนั้นเปลวเพลิงแห่งความสำเร็จจากการเผาอุปกรณ์เสพฝิ่นได้พุ่งขึ้นสู่ ท้องฟ้า ณ ลานกว้างของสนามหลวง

   (๓๗ ปีแห่งการปฏิวัติ,สว่าง ลานเหลือ,๒๕๑๒)             

    แต่แม้ฝิ่นจะถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่การขนฝิ่นยังมีการฝ่าฝืนกระทำอยู่และปรากฏการจับกุมอยู่เสมอ แม้ล่วงมาปี พ.ศ.๒๕๒๓             

     "จับฝิ่นรายใหญ่บนรถด่วน"             

   "วัน ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๓ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. เศษ หน่วยสายฟ้าของ สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ นำโดย ร.ต.อ.ประสิทธิ์ สทรลักษณ์ พร้อมกำลังเข้าตรวจค้นขบวนรถด่วนเชียงใหม่- กรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นพบกระเป๋าของนายเกรียงไกร รักไพรดำรง อายุ ๔๐ ปี อยู่กรุงเทพฯ โดยตรวจค้นพบฝิ่นดิบบรรจุถุงพลาสติครวม ๑๗ ถุง น้ำหนัก ๓๓ กิโลกรัม ราคาประมาณ ๔ แสนบาทเศษ จึงจับกุมตัวนายเกรียงไกรดำเนินคดี ก่อนหน้านี้สืบทราบว่านายเกรียงไกร ค้ายาเสพติดมานาน โดยเปิดร้านซ่อมรถอยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นการบังหน้าและเดินทางขึ้น ล่องระหว่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนอยู่เสมอ นายเกรียงไกรให้การว่าฝิ่นเป็นของคนอื่น ตนเองเพียงรับจ้างขนเท่านั้น ค่าจ้างขนครั้งนี้เป็นเงิน ๒ หมื่นบาท"(นสพ.ไทยนิวส์,๑ ก.พ.๒๕๒๓)             

      ข่าวการโยกย้ายข้าราชการผู้ใหญ่             

      นสพ.คน เมือง ฉบับ ๒๔ มิ.ย.๒๔๙๖ มีข่าวเกี่ยวกับการโยกย้ายตำแหน่งผู้บริหารราชการของอำเภอเมืองเชียงใหม่ใน สมัยนั้น คือ ตำแหน่งนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ตามข่าวลงว่า             

     "นายอำเภอคนใหม่"             

    "ตาม คำสั่งของผู้ว่าราชการภาค ๕ ซึ่งได้มีคำสั่งย้ายนายวิชาญ บรรณโสภิต นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ฉะนั้นในขณะนี้ตำแหน่งนายอำเภอเมืองเชียงใหม่จึงว่างอยู่และทางการยังมิได้ มีคำสั่งแต่งตั้งผู้ใดมาดำรงตำแหน่งแทน             

    จากวงการใกล้ชิดที่เกี่ยวกับ ข่าวนี้ ได้ทราบว่าตำแหน่งนายอำเภอเมืองเชียงใหม่นั้น ทางกรมมหาดไทยได้กำหนดตัว ร.ต.อ.ประธาน โชติวรรณ นายอำเภอเมืองนครราชสีมาในปัจจุบันซึ่งเคยเปนนายอำเภอฝางและอำเภอดอยสะเก็ด มาแล้วมาดำรงตำแหน่งนายอำเภอเมืองเชียงใหม่แทน".             

    พ.ต.ท.อนุ เนินหาด รอง ผกก.สส.สภ.อ.แม่ริม

               anunernhard@hotmail.com>

  ที่มา           http://www.thainews70.com/news/news-culture-arnu/view.php?topic=120

      

ความคิดเห็น