#โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตา ในอำเภอปายแห่งแรกของประเทศไทย
โดย ผศ.ดร.มาโนชน์ อารีย์
เมาลานา อิสลาห์ บุษกร ความมืดที่สว่างไสวของมุสลิมปาย กับการริเริ่มโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาแห่งแรกของประเทศไทย (Madrassa An- Noor for The Blind กำลังเริ่มสร้างนะครับ ต้องการการสนับสนุนงบอยู่)
เมื่อเอ่ยถึงอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักและเคยสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งความสวยงามของดินแดนแห่งนี้ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและชาวต่างชาติ
แต่ผมเองซึ่งเป็นคนเชียงใหม่เพิ่งได้มีโอกาสไปเป็นครั้งแรกและด้วยความเป็นคนที่เวลาไปไหนจะสนใจวิถีชุมชนพอๆกับสถานที่ท่องเที่ยว จึงอยากนำเรื่องความประทับใจของชุมชนมุสลิมที่เข้มแข็งของอำเภอนี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมเองก็ค้นพบสัจธรรมบางอย่างที่เป็นเรื่องจำเป็นซึ่ง คนมองไม่เห็น “มองเห็น” แต่คนมองเห็น “มองไม่เห็น”
การมาเที่ยวปายครั้งนี้ผมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวบุษกรของคุณวันชัย บุษกร (คนมักเรียก “โก วันชัย” ซึ่งเป็นตระกูลมุสลิมเชื้อสายจีนดั้งเดิมที่บรรพบุรุษเดินเท้าเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่นี้ตั้งแต่รุ่นพ่อของอิหม่ามสมชาย บุษกร แห่งมัสยิดอัลอิสรอ ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งเดียวในอำเภอปาย โดยอิหม่ามสมชาย เป็นพี่ชายของคุณวันชัย
สิ่งที่สัมผัสได้หลังจากที่เข้าไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวบุษกรและร่วมพูดคุยรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พบว่าครอบครัวนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ภายในบ้านจะมีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับจัดการเรียนการสอนศาสนาให้กับเด็กๆและผู้สนใจอิสลามหรือมุสลิมใหม่ด้วย พอคุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าตระกูลบุษกรพร้อมเครือญาติและ สมาชิกในชุมชนยังมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการศึกษาให้กับชุมชนทั้งในด้านศาสนาและสามัญเช่นการจัด Home School และการส่งเสริมการศึกษาแบบ กศน. รวมไปถึงตอนนี้ที่กำลังมีโครงการสร้างโรงเรียนสอนศาสนาสำหรับผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ ซึ่งน่าสนใจมากเพราะประเทศไทยยังไม่มีโรงเรียนสอนศาสนาในลักษณะนี้เลย
ใครที่ได้มาสัมผัสชุมชนมุสลิมที่นี่คงจะรับรู้ได้ว่าเป็นชุมชนที่เข้มแข็งมากในแนวทางของศาสนาและสามารถดำรงวิถีชีวิตหรืออัตลักษณ์ของตัวเองได้อย่างเหนียวแน่นท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของทุนนิยมที่เชี่ยวกราดเข้ามายังพื้นที่ มุสลิมที่นี่มีประมาณ 50 ครัวเรือนอยู่กันแบบพี่น้องที่ใกล้ชิดกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความกลมเกลียวสมัครสมานสามัคคีกับชุมชนพหุวัฒนธรรมและอยู่ร่วมกับพี่น้องต่างศาสนาได้อย่างปกติสุข
อีกความประทับใจส่วนตัวคือพี่น้องมุสลิมที่นี่มีความสนใจต่อสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศและโลกมุสลิมเป็นอย่างมาก มีความรู้ความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างดีผ่านการรับรู้ข่าวสารอย่างรอบด้าน ผมได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลายๆ กรณี ทำให้สัมผัสได้ทันทีว่ามุสลิมที่นี่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาก และที่สำคัญรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่หลายท่านติดตามฟังการวิเคราะห์ของผมอยู่เสมอและหนึ่งในนั้นคือ เมาลานา อิสลาห์ บุษกร บุตรชายของคุณวันชัย ผู้ที่สายตาไม่สามารถมองเห็นแต่มีจิตใจและวิสัยทัศน์ที่สว่างไสวมาก ๆ บุคคลที่ผมมองว่า “อยู่ในความมืดที่สว่างไสว” และเป็นความภูมิใจของมุสลิมปายและประเทศชาติ
#เมาลานา อิสลาห์ บุษกร คือใครและกำลังทำอะไร?
ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ 20 กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นผมก็ยังเด็กมาก ไม่รู้จักอำเภอปายเลย ปายตอนนั้นก็ไม่เป็นที่รู้จักเหมือนตอนนี้ แต่มีเรื่องฮือฮาซึ่งเป็นที่กล่าวขานชื่นชมกันอย่างกว้างขวางในแวดวงมุสลิมภาคเหนือว่ามีเด็กแม่ฮ่องสอนคนหนึ่งที่แม้ว่าสายตาจะมองไม่เห็นแต่สามารถท่องจำคัมภีร์อัลกรุอานได้ทั้งเล่มด้วยวัยเพียง 11 ขวบเท่านั้น เด็กคนนั้นคือเมาลานา อิสลาห์ บุษกร ในปัจจุบัน
ผมน่าจะมีโอกาสได้เจออิสลาห์ อยู่ครั้งหรือสองครั้ง แต่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน ตอนนั้นผมน่าจะอายุ 16 ปี หรือมากกว่าอิสลาห์ 5 ปี ซึ่งไม่นานผมก็เดินทางไปศึกษาต่อที่อินเดียอยู่หลายปี และไม่ได้ข่าวคราวของเด็กฮาฟิสคนนี้อีกเลย มาวันนี้ได้มีโอกาสไปปายจึงได้รู้ว่าเด็กฮาฟิสคนนี้ได้ออกเดินทางเพื่อการศึกษามาโดยตลอด ทั้งที่ สถาบันท่องจำกุรอานที่จังหวัดพัทลุง มัรกัซ จังหวัดยะลา และจากนั่นก็ไปศึกษาต่อที่ประเทศแอฟริกาใต้ ที่สถาบันอิสลามเฉพาะทางสำหรับคนพิการทางด้านสายตา(Madrassa An- Noor for the Blind)
ผ่านมาหลายปีวันนี้เขากลายเป็นความภูมิใจของมุสลิมปายและประเทศไทยที่ ใครใครเรียกว่า”เมาลานา อิสลาห์” (หมายถึงผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้หรืออาจารย์)
หลังจากสนทนาประเด็นปัญหาการเมืองของโลกมุสลิมกับเมาลานา อิสลาห์ แล้ว เราก็คุยกันหลายเรื่องส่วนใหญ่ผมมักจะถามเกี่ยวกับประวัติผลงานและภารกิจต่างๆที่ท่านกำลังทำอยู่
เมาลานา อิสลาห์ ปัจจุบันอายุ 36 ปี มีชีวิตในวัยเยาว์เหมือนเด็กทั่วๆไปแต่พอเริ่มโตขึ้นมาก็มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและรักษามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งอายุ 8 ขวบ ก็สูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้าง
จากการสูญเสียการมองเห็นซึ่งเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้า อิสลาห์ก็ต้องออกจากโรงเรียนแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กคนนี้หยุดที่จะศึกษาแสวงหาความรู้ด้านศาสนาต่อไป และด้วยวัยเพียง 8 ปี ก็เริ่มสนใจท่องจำคัมภีร์อัลกุรอานอย่างจริงจัง จนสามารถท่องจำทั้งเล่มได้ในวัยเพียง 11 ปีเท่านั้น
อิสลาห์ ยังคงแสวงหาโอกาสที่จะศึกษาด้านศาสนาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเรื่องยากลำบากก็ตาม เพราะสถาบันการศึกษาทางศาสนาแบบเฉพาะทาง สำหรับผู้พิการทางสายตาหายากมากหรือไม่มีเลยในประเทศไทย
แต่กระนั้นด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า อิสลาห์ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อที่สถาบันอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตา ที่ประเทศแอฟริกาใต้ (Madrassa An- Noor for the Blind) ใช้เวลาเล่าเรียนอยู่ที่นั่น 8 ปี
อิสลาห์ถือเป็นนักเรียนที่โดดเด่นมาก โดยในระหว่างที่เรียนก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันและประเทศแอฟริกาใต้เป็นอย่างมาก ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของแอฟริกาใต้ไปแข่งขันในเวทีระดับสากลและได้รับรางวัลชนะเลิศด้วย (ใครสนใจอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของเมาลานา อิสละห์ ก็สามารถค้นหาได้ทางอินเตอร์เนตและยูทูป) ในปี ค.ศ. 2005 เมาลานาได้รับเลือกเป็นตัวแทนของแอฟริกาใต้เข้าร่วมการแข่งขันท่องจำอัลกุรอานนานาชาติที่ญิดดะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย และได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งด้วย ถือเป็นคนไทยคนแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในระดับนานาชาติในเวทีการแข่งขันท่องจำกุรอานระดับโลก รวมทั้งสร้างชื่อเสียงให้กับแอฟริกาใต้ด้วย
เมาลานาอิสลาห์เป็นนักศึกษารุ่นแรกที่ได้เรียนกุรอานจากอักษรเบรลล์อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการผลิตสื่ออักษรเบรลล์เพื่อใช้ในการศึกษาที่นั้นร่วมกับเพื่อน ๆ และอาจารย์ เมาลานาอิสลาห์ ถือเป็นคนไทยผู้สูญเสียการมองเห็นคนแรกที่ได้เรียนรู้การอ่านและการท่องจำกุรอานอักษรเบรลล์
หลังจากจบการศึกษาแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถและผลงานที่เป็นที่ยอมรับ ทางสถาบัน MANB จึงยังคงอยากให้เมาลานาอิสละห์ อยู่ต่อเพื่อเป็นอาจารย์ที่สถาบันแห่งนี้เลย แต่เมาลานาอิสลาห์ก็ต้องกลับไทยเพราะความตั้งใจที่จะมาเติมเต็มสิ่งที่สังคมไทยยังขาดหายไป
นอกจากความรู้ความสามารถในเชิงวิชาการแล้วสิ่งที่โดดเด่นในตัวของเมาลานาอิสลาห์ ซึ่งท่านได้เรียนรู้มาจากที่นั้นและจะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทยคือ การเรียนการสอนและการอ่านกุรอ่านอักษรเบรลล์ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าประเทศไทยจะมีผู้ที่มีความรู้และทักษะนี้กี่คน (แต่เข้าใจว่ามีไม่มากหรืออาจไม่มีเลย) ตรงนี้ผมจึงเห็นว่าเมาลานาอิสละห์ คือทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่ามากสำหรับสังคมมุสลิมไทยที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับมุสลิมผู้พิการทางสายตาให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาด้านศาสนาไม่ต่างไปจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนอัลกุรอานจากอักษรเบรลล์ นอกจากนั้นก็ยังสามารถสอนคนปกติทั่ว ๆ ไปได้อีก
เมาลานาอิสละห์ กำลังทำอะไร?
เท่าที่ผมทราบ ปัจจุบันเมาลานาอิสลาห์ มีภารกิจความรับผิดชอบในกิจการงานด้านศาสนาที่หลากหลายไม่ต่างจากนักวิชาการศาสนาทั่ว ๆ ไป ทั้งทำหน้าที่ให้ความรู้กับชุมชน สอนอัลกุรอาน เป็นอิหม่ามนำละหมาด บรรยายธรรมหรือคุตบะห์วันศุกร์ฯ
หลายครั้งที่ต้องเดินทางขึ้นเหนือลงใต้ไปบรรยายไปให้ความรู้กับสถาบันและองค์กรต่าง ๆ ตามคำเชิญ ซึ่งในการเดินทางแต่ละครั้งก็จะต้องนั่งรถจากแม่ฮ่องสอนไปขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่ ใช้เวลากว่า 3 โมงแล้ว (ไปกลับก็ 6 ชั่วโมง) ครั้งล่าสุดก็เพิ่งเดินทางไปร่วมงานที่อินโดนีเซีย การเดินทางไปบรรยายนอกสถานที่ของเมาลานาอิสลาห์ นอกจากเป็นการให้ความรู้แล้วยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมาย ที่สำคัญท่านได้มีโอกาสไปถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนทางศาสนาเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาให้กับหลาย ๆ แห่ง เพื่อกระตุ้นให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของมุสลิมกลุ่มนี้ที่แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ต้องการเรียนศาสนา และต้องไม่ลืมว่าคนที่มองไม่เห็นจะมีสัมผัสบางอย่างและมีสมาธิที่ดีกว่าคนปกติ ดังนั้น จึงน่าจะเป็นกลุ่มที่เรียนรู้ศาสนาได้ดีหรือสืบสานการท่องจำพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานได้อย่างรวดเร็ว เมาลานาเล่าให้ผมฟังว่าปัจจุบันมีมุสลิมไทยที่พิการทางสายตาประมาณ 2 หมื่นกว่าคนเลย หลายคนก็ไม่ได้มีโอกาสทางการศึกษา หลายคนก็ต้องทำอาชีพที่สามารถเลี้ยงชีพได้ซึ่งบางอาชีพอาจไม่เหมาะสมนัก บางคนอาจต้องเป็นขอทานในที่สุด
คำถามคือ สังคมมุสลิมควรร่วมกันดูแลคนกลุ่มนี้อย่างไร ไม่ให้พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกที่มืดมิด หรือเราควรส่งเสริมให้พวกเขาได้รับการศึกษาทางด้านศาสนา (รวมทั้งสามัญ) ยกให้เป็นกลุ่มคนที่ทรงเกียรติมีศักดิ์ศรีในฐานะผู้ทำงานศาสนา ออกแบบระบบและกลไกในการดูแลพวกเขาในฐานะทรัพยากรมนุษยที่ทรงคุณค่า ไม่ใช่ผู้พิการที่รอความช่วยเหลือ แต่เป็นผู้ทุ่มเททำงานทางศาสนาเพื่อสังคมส่วนรวม
ผมถามถึงแนวทางในการพัฒนาการศึกษาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาในประเทศไทยว่ามีสถาบันแบบนี้โดยเฉพาะหรือไม่ คำตอบคือยังไม่มีและในอาเซียนก็ยังไม่น่าจะมีด้วย
เป็นความยินดีและน่าชื่นชมอย่างมากเมื่อรู้ว่าเมาลานาได้ริเริ่มการสร้างสถาบันในลักษณะนี้ขึ้นแล้วที่อำเภอปาย ความสวยงามของธรรมชาติและความงดงามของงานศาสนาเพื่อสังคมยิ่งจะทำให้ดินแดนแห่งนี้มีความสำคัญทางจิตวิญญาณสำหรับมุสลิมไทยมากขึ้น และอาจจะเป็นศูนย์กลางของการศึกษาอิสลามเฉพาะทางสำหรับผู้พิการทางสายตาของอาเซียนอีกด้วย หากได้รับการสนับสนุนผลักดันที่มากพอ ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจไม่เฉพาะของประเทศแต่จะเป็นความภาคภูมิใจของภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรมุสลิมกว่า 300 ล้านคนด้วย
ทั้งนี้ ด้วยความสามารถและศักยภาพของเมาลานาที่ผมได้สัมผัสก็มั่นใจว่าจะเป็นผู้ที่ผลักดันสถาบันในลักษณะนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะว่าการที่ได้ไปเรียนที่แอฟริกาใต้ ทำให้เมาลานามีทักษะความสามารถที่หลากหลายรอบด้านมาก โดยเฉาะด้านภาษา ทั้งภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษ ภาษาอุรดู หรืออาจจะรวมถึงภาษาถิ่นของที่นั่นด้วย นอกจากนี้เมาลานายังมีทักษะการใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือเครื่องมืออิเลคโทรนิกอื่น ๆ ที่สำคัญคือเครื่องฝึกการอ่านกุรอานอักษรเบรลล์และยังมีฟังชั่นอื่น ๆ อีกมากมาย (ตามรูปด้านล่างครับ) ซึ่งราคาสูงมาก ตัวหนึ่งแสนกว่าบาท เป็นการเอาเทคโนโลยีของสหรัฐฯกับรัสเซียมาผสมผสานกัน อีกเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญคือเครื่องพิมพ์หรือ Printer สำหรับพิมพ์เอกสารอักษรเบรลล์โดยเฉพาะ ซึ่งมีราคาสูงเช่นกัน (ตามรูป) เมาลานา ยังมีความพร้อมเรื่องหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนมาก มีกรุอานฉบับอักษรเบรลล์หลายเล่ม กล่าวคือ 1 เล่มจะมี 5 บท
ปัจจุบัน อาจจะมีไม่กี่คนที่รู้ว่ากำลังจะมีสถาบันการศึกษานี้เกิดขึ้นที่อำเภอปาย บนที่ดินวะกัฟหรือที่ดินที่ได้รับจากการบริจาคเพื่อส่วนรวม 5 ไร่ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารสถานที่ (ตามภาพ) ผมสอบถามได้ความว่าในระหว่างที่ทำก็ไม่ได้จัดงานหรือประชาสัมพันธ์เพื่อการระดมทุนใด ๆ มากนัก แต่ก็มีความคืบหน้าอยู่เรื่อย ๆ จากการสนับสนุนของผู้คนหลากหลายที่ทราบเรื่องนี้
ขณะนี้ก็เริ่มมีนักเรียนที่พิการทางสายตาจากภาคใต้เริ่มมาเรียนมาอยู่ประจำแล้ว 3 คน (ตามรูป) และได้อ่านกุรอานจากอักษรเบรลล์ให้ผมฟังด้วย (ตามคลิป) เมาลานาอิสลาห์ตั้งใจว่าอยากผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อรองรับผู้พิการทางศาสนาทั่วประเทศและจากต่างประเทศด้วย ซึ่งผมคิดว่าต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ๆ โดยในเบื้องต้นเมาลานาจะทำอาคารเรียนชั้นเดียวก่อน แต่ก็จะวางฐานรองรับสำหรับการปรับเป็น 2 ชั้นในอนาคต เพราะตอนนี้ไม่มีงบประมาณที่เพียงพอ งบที่ต้องใช้จ่ายดูแลผู้พิการทางสายตาก็สูงมากกว่าดูแลคนปกติแน่นอน นอกจากนี้ยังต้องใช้จ่ายงบเพื่อการจัดสื่อสื่อการเรียนการสอนอื่น ๆ อีกมากมาก
ผมจึงอยากเชิญชวนพี่น้องและเพื่อน ๆ ร่วมด้วยช่วยกันคนละไม่ละมือตามกำลังความสามารถที่จะช่วยได้ หรืออย่างน้อยผ่านไปปาย ก็ไปให้กำลังใจเมาลานาและนักเรียนที่นั้นก็ยังดีครับ เพราะเป็นความจำเป็นมากที่เราต้องสนับสนุนกิจการงานในส่วนนี้ที่สังคมเรายังขาดหายไป
หากท่านใดไปเที่ยวหรือมีโอกาสได้ไปเยือนปายสามารถแวะเยี่ยมชมได้ สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนทางขึ้นไปหมู่บ้านสันติชน หรือทางขึ้นไปชมทะเลหมอกหยุนไหล ที่ตั้งของโรงเรียนจะอยู่ซ้ายมือ มองเข้าไปในระยะ 50 เมตรก็เห็นเลย (ตามภาพ) หรือท่านใดต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างและสนับสนุนการสร้างสถาบันแห่งนี้ก็สามารถโอนเงินไปช่วยได้ตามบัญชีนี้นะครับ ISARA BUSAKORN , Kasikorn Bank : AC No. 0238575362 (ชื่อบัญชี อิสรา บุษกร ธ.กสิกรไทย เลขบัญชี 0238575362 ) ถ้าโอนไปแล้วควรติดต่อไปด้วยนะครับว่าสนับสนุนในส่วนไหน ก่อสร้างอาคารเรียนหรือสนับสนุนด้านการดูแลนักเรียนผู้พิการทางสายตาหรืออื่น ๆ
ฝากเพื่อน ๆ ทางเฟส เพื่อน ๆ สื่อมวลชน ช่วยแชร์ช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องราวดี ๆ และส่งต่อแรงสนับสนุนไปยังสถาบันแห่งนี้ที่กำลังเริ่มก่อร่างสร้างขึ้นที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วยนะครับ
ใครต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่เบอร์เมาลานาอิสลาห์ : 0876566089 หรือที่ไลน์ Albasirah นะครับ
ที่อยู่ : MISTER ISARA BUSAKORN
MASDRASSA NOOR FOR THE BLIND,
68/1 MOO 5,
TAMBON WIANGTAI,
PAI DISTRICT,
MAEHONGSORN, 58130,THAILAND
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น