เส้นทางการ รับจ้างขนฝิ่นหรือเป๊อะฝิ่น ซึ่งเมื่อ ๕๐ ปีเศษที่ผ่านมา

 รายละเอียดข่าว         

 ย้อนเหตุการณ์ที่เชียงใหม่(๑๐)

 


           ภาพวาดเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างทหารจีนฮ่อ ที่คุมคาราวานฝิ่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ             

   การ รับจ้างขนฝิ่นหรือเป๊อะฝิ่น ซึ่งเมื่อ ๕๐ ปีเศษที่ผ่านมามักไปซื้อจากเมืองหาง เขตประเทศพม่า พบข้อมูลในข้อเขียนของคุณทองฤทธิ์ พรหมตรี ในวารสาร คนเมือง ซึ่งผู้เขียนเล่าประสบการณ์การไปร่วมรับจ้างขนฝิ่นว่า             

   "...พวกเราถึง เมืองหางก็ค่ำพอดี ทางจากตีนเขาถึงหมู่บ้านเมืองหางนี้ไกลคงจะพอๆกับบ้านม่วงชุมถึงถนนสาย เชียงใหม่-ฝาง พวกเราถึงเมืองเป็นเวลาค่ำมืดประกอบกับกระปลกกระเปลี้ยกันจึงไม่ค่อยสนใจกับ อะไร ใจนึกอยากจะให้ถึงที่พักเร็วๆ เพื่อจะได้นอนเสียทีคงจะสบาย รู้สึกแต่ว่าทางผ่านเข้าไปในหมู่บ้านสองข้างทางมีหมู่บ้านเรียงรายสว่างไสว ไปด้วยแสงตะเกียงเจ้าพายุ ซึ่งส่องออกมาจากบ้านและร้านรวงต่างๆ ผู้คนมากมาย เสียงคุยกันและเดินขวักไขว่ เสียงขรมไปหมดไม่แพ้ย่านในเมืองของเราเลย ทองสิ่ง(เพื่อนของผู้เขียน) จัดเจนกับถิ่นนี้ดี เขาจึงพาพวกเราไปพักที่ศาลาแห่งหนึ่งใจกลางหมู่บ้านนั้นเอง ศาลาที่พวกเราพักก็มีหมู่เป๊อะมาพักก่อนแล้วสองสามหมู่ บางหมู่มาพักตั้งสองวัน บางหมู่พึ่งมาถึงก่อนหน้าเราก็มี แต่ศาลากว้างมาก พอมีที่ให้พวกเราพักได้อย่างสบาย ศาลาทำด้วยไม้ไผ่ ยกพื้นสูง มีฝาสามด้าน ด้านติดถนนไม่มีฝา มีบันไดทางขึ้นทางเดียว พื้นปูด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าคา พอพวกเราถึงที่พักดังกล่าวก็ไม่รีรอ รีบกินข้าว อาบน้ำในเหมืองซึ่งอยู่ใกล้กับศาลาที่พักแล้วจัดแจงปูที่นอน ซึ่งจะหาสื่อสักผืนก็ไม่มี เราใช้ผ้าพลาสติกที่มีติดตัวไปเป็นผ้าปูที่นอน คลี่ผ้าห่มคลุมหลับปุ๋ยไปตลอดคืน             

   "เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากจัดการล้างหน้าล้างตาเสร็จ พวกเราก็ช่วยกันจัดแจงหุงหาอาหารเป็นหมู่ๆ ไม่ปะปนกัน หม้อข้าวหม้อแกง ทองสิ่งเป็นคนไปหามาจากบ้านพ่อเลี้ยงในเมืองหางนั้น คงจะเป็นที่พักของพ่อเลี้ยงอีกนั่นแหละ อาหารเขาก็จ่ายให้พร้อมทั้งข้าวสารเอามาให้ทำกินกันเอง วิธีปรุงอาหารก็ไม่ยากเย็นอะไรเอาหม้อตั้งน้ำให้เดือด เด็ดผักกาดหอบเบ้อเร่อใส่ลงไป พอผักสุกก็ตักเกลือใส่ ชิมดูพอได้รสก็ตักไขใส่(มันวัวมันควาย) พอดูว่าน้ำแกงมีมันเยิ้มก็ยกลง กินร้อนๆ ถ้ารอให้เย็นน้ำมันสัตว์จะแข็งตัว กลายเป็นไขแล้วจะกลืนไม่ลง เป็นอันว่าพวกเราทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย ลืมบอกไปว่าเวลากินก็กินกันในหม้อแกงนั่นแหละไม่มีถ้วยจาน ถ้วยที่ติดตัวไปคนละใบก็ใช้ใส่ข้าวกิน บางคนก็มีตะเกียบ บางคนก็มีช้อนตามแต่ถนัด..."              

   ระหว่างรอรับฝิ่นนั้น ผู้เขียนบรรยายสภาพของเมืองหางเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒ ว่า              

    "เมือง หางเป็นหมู่บ้านที่ไม่ใคร่จะกว้างเท่าไรนัก แต่อาศัยที่มีหลังคาบ้านแออัด ซึ่งปลูกติดๆ กันตามแถวถนนปลูกติดกันเกือบจะเป็นห้องแถว โดยมากปลูกด้วยไม้ไผ่ มุงด้วยหญ้าคา บ้านชาวไทยใหญ่ปลูกยกพื้นสูง บ้านคนจีนฮ่อหรือคนไทยเราชอบปลูกไม่ยกพื้นโดยอาศัยพื้นดินเป็นพื้น แต่ยกพื้นก็เฉพาะที่นอนเท่านั้น บ้านเหล่านี้จะมุงด้วยไม้เกล็ดก็เฉพาะหลังใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ก็ไม่มีมากหลังเป็นบ้านเจ้านายหรือพวกมีเงินเป็นส่วนมาก ถนนหนทางในเมืองหางมีตัดไปตัดมา มีซอกมีซอยประมาณ ๑๐ กว่าเส้น สองข้างทางจะมีร้านรวงแทบจะเต็มไปหมด ใต้ถุนบ้านจะเห็นมีสัตว์จำพวกม้าต่าง วัวต่างกันมาก พวกร้านค้ามีทั้งร้านตัดเสื้อผ้า โดยเป็นคนจีนฮ่อ ร้านขายซาลาเปา ขนมต่างๆ ที่คนจีนเมืองเราชอบทำขายเช่น ถั่วลิสงเคลือบน้ำตาลเป็นแผ่นๆ ถั่วต้มหวาน ข้าวซอย ขนมจีน กาแฟ ฯลฯ สินค้าเบ็ดเตล็ด โดยมากนำไปจากไทยทั้งสิ้น ราคาที่ขายในเมืองหางสูงกว่าในเมืองไทยอีกหลายเท่าตัว ผู้คนหรือชาวเมืองหางอยู่ปะปนกัน แต่ชาวไทยใหญ่(เงี้ยว) เป็นชาวประจำถิ่นแล้วก็มีคนไทยไปปลูกร้านค้าอยู่ที่นั่นบ้าง มีคนจีนฮ่อ คงจะเป็นพวกทหารจีนคณะชาติเสียส่วนใหญ่ รู้สึกว่าคนในเมืองหางมากมายเหลือเกินไม่แพ้ย่านชุมชนในเมืองไทยเรา มีผู้คนเดินขวั่กไขว่ตลอดวันและตลอดคืนเสียด้วย แต่ไม่มียวดยานอะไรเลย              

   "การ ปกครองมีเจ้าเมืองเป็นชาวไทยใหญ่เป็นหัวหน้าใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกทหารจีนฮ่อก็เป็นลูกมือเจ้าเมืองเสียด้วย พวกทาหรจีนเหล่านี้ไม่เห็นอยู่กันเป็นกองๆ อยู่ตามหลังคาบ้านไปเรื่อยๆ หลังคาละสี่ถึงห้าคน เขาคงจะปลูกอยู่กันเองตามใจชอบ เขาเล่าว่าทหารจีนที่รักษาความสงบเหล่านี้กินเงินเดือนเจ้าเมืองและก็พวก ทหารจีนเหล่านี้คงจะเปลี่ยนเวรกันออกตรวจตราเพราะเห็นสพายปืนเดินขวักไกว่ท ั้งกลางวันกลางคืน ในเมืองหางดูเหมือนว่าใครจะพกปืนก็ได้ตามใจชอบ ไม่มีการจับกุม เด็กๆ ชาวไทยใหญ่ชอบพกปืนสั้น แถมชอบยิงขึ้นฟ้าเล่นได้สบาย และอีกอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าแปลกใจก็ตอนที่มีขโมย ถามเขา ๆ บอกว่ามีไม่ได้ ถ้ามีก็ถูกฆ่าทิ้งเสีย พวกข้าพเจ้าออกไปเที่ยวทิ้งของไว้ที่ศาลาทังวันทั้งคืนก็ไม่เห็นีใครมาขโมย พวกคนไทยเราที่ไปเมืองหางก็ไม่เห็นริเป็นขโมยกันเลย คงจะกลัวศาลเตี้ย 

               

               "อาชีพ ก็ทำนาบ้างเล็กน้อยเพราะพื้นที่ราบมีไม่มาก เลี้ยงสัตว์เฉพาะครอบครัว อาชีพที่เป็นล่ำเป็นสันก็เห็นมีการค้าขาย ฝิ่น การพนัน ที่บ่อนคาสิโนเขาทำคล้ายกับตลาดในเมืองเรา กว้างขวางมาก เขาปลูกโรงซึ่งมุงด้วยหญ้าคา ไม่มีฝา แต่มีห้องแถวค้าขาย ล้อมรอบคล้ายๆ กับตลาดและมีโต๊ะเหมือนโต๊ะวางของขายในตลาดและวางเรียงรายกันเป็นแถวๆ ทุกโต๊ะมีแต่การพนัน มีผู้คนมุงกันเล่นทุกโต๊ะเต็มไปหมด ส่วนมากเป็นคนไทยเราที่ชอบไปเล่น เจ้ามือมีทั้งจีนฮ่อและไทยใหญ่ การพนันมีแทบทุกอย่างตั้งแต่ถั่ว โป ไพ่ ฯลฯ ผู้คนมากมายสับสนเหมือนกับตลาดในเมืองเรา ลืมบอกไปว่าที่เมืองหางคราวนั้นไม่เห็นมีพม่าเลย ส่วนมากเป็นจีนฮ่อ พวกที่ค้าขายหรือพ่อเลี้ยงและเจ้ามือการพนัน เงินที่ใช้จ่ายกันในเมืองหางมีทั้งเงินไทยและเงินพม่า แต่ส่วนใหญ่เป็นเงินไทย..."             

  สายของวันถัดมา กลุ่มลูกจ้างก็ไปพร้อมกันที่ลานบ้านแห่งหนึ่ง ใต้ถุนบ้านมีปิ๊บบรรจุฝิ่นวางอยู่เป็นกอง ปิ๊บเหล่านี้มีหลายขนาด บรรจุฝิ่น ๕ จ๊อยถึง ๑๒ จ๊อย ทุกปิ๊บบัดกรีปิดมิดชิดและประทับตราไว้             

  "...เมื่อ รับของเสร็จทุกคนจะจัดแจงเอาผ้าดำห่อทำเป็นเป๊อะสำหรับติดหลังโดยที่ใช้ผ้า ขาวม้าเป็นสายพาดบ่า ข้าพเจ้ารับเอามา ๗ จ๊อยจึงจัดแจงห่อเช่นเดียวกับเขา รวมน้ำหนักทั้งหมดที่เป๊อะหลังประมาณ ๑๕ กก. เมื่อรับของกันเสร็จก็พอดีเที่ยง ทุกหมู่จึงจัดแจงกินข้าวกลางวัน เสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เริ่มจัดขบวนคาราวานกัน ลูกเป๊อะทุกคนยกเป๊อะขึ้นติดหลัง ลูกเป๊อะมีประมาณ ๓๐๐ กว่าคน นับว่าเป็นกองคาราวานที่ใหญ่โตมากทีเดียว ลูกเป๊อะเข้าขบวนกันเป็นหมู่ๆ พวกใครพวกมัน และทุกหมู่ก็เดินติดๆ กันไป พวกข้าพเจ้าอยู่รั้งท้าย 

  "มี คนจีนฮ่อ ๔๐ กว่าคน แต่งกายธรรมดาข้างหลังเป๊อะผ้าและของส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีฝิ่น สพายปืนกลมือบ้าง เสต็น คาร์ไบน์บ้าง คุมกองคาราวานไป ชายจีนฮ่ออยู่รั้งท้ายขบวนหนึ่งพกแต่ปืนเมาเซอร์ ข้างหลังเป๊อะหีบบรรจุเงิน ส่วนพ่อเลี้ยงไม่เห็นไปด้วยกับขบวน มือปืนทุกคนพกลูกระเบิดมือด้วย ทุกหมู่จะมุ่งไปลำปางจุดหมายปลายทางเดียวกัน"            เส้นทางไปลำปาง ใช้เส้นทางผ่านดอยอ่างขางพักหลับนอนที่ดอยอ่างขาง คืนที่สองนอนที่ดอยแม่ขิ คืนที่สามนอนที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงปางเปาะ คืนที่สี่นอนที่บ้านแม่ปวก เขตอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ คืนต่อมานอนที่ปางใบเมี่ยงป่าลัน เขตอำเภอดอยสะเก็ด ต่อมานอนที่บ้านปางครอบ , บ้านแม่รวม , บ้านขุนออน , ยอดดอยขุนออกเขตติดต่อลำปางและลำพูน , กลางป่าเมี่ยงเขตลำปาง หลังจากนั้น เดินและนอนกลางป่าดงดิบอีก ๒ วันเต็มๆ ก่อนจะเข้าจังหวัดลำปาง             

   น่า เสียดายที่ผู้เขียนไม่ได้บรรยายการส่งฝิ่นให้ลูกค้าที่ลำปาง จึงไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งฝิ่นในยุคนั้น แต่การเดินทางจากเมืองหางถึงจังหวัดลำปางใช้เวลานานประมาณ ๒๐ วันและมักถูกกองกำลังตำรวจคอยสกัดจับกุมมีการปะทะกันอยู่บ่อยๆ             

       การปะทะกันมักต้องมีการสูญเสียไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง ดังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการปะทะกันอยู่เสมอๆ            คราวหนึ่งเจ้าหน้าที่ปะทะกับคาราวานฝิ่นที่อำเภอสันกำแพง จากข่าวนี้ทำให้เห็นว่ากองคาราวานฝิ่นในสมัยนั้นเป็นกองใหญ่ถึง ๑๐๐ คน         "สมรภูมิฝิ่นที่สันกำแพง มือปืนฮ่อตาย ๔ ศพปะทะกับเจ้าหน้าที่ ยิงกันสนั่นป่าชายแดนเขตสันกำแพง"       

  "เจ้า หน้าที่ตำรวจลำพูนและเจ้าหน้าที่สรรพสามิตต์ ได้เกิดปะทะกันขึ้นกับคาราวานฝิ่นฮ่อ ในท้องที่ทางป่าอำเภอสันกำพง เกือบจะออกนอกเขตต์จังหวัดเชียงใหม่ การปะทะกันครั้งนี้ฝ่ายมือปืนของพวกฮ่อเสียชีวิต ๔ คน เจ้าหน้าที่ได้ฝิ่นและปืนของกลางมาก              

   "คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมด้วย เจ้าหน้าที่สรรพสามิตต์รวม ๒๒ นาย ฝ่ายตำรวจมี รตต.ทองฝน พลอยบุตร เปนหัวหน้า ฝ่ายเจ้าหน้าที่สรรพสามิตต์ นายแสวง แสงแก้ว นายตรวจสรรพสามิตต์และนายเวชน์ อุณหเวช เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้ไปสกัดคาราวานฝิ่นและพบกับคาราวานฝิ่นในป่าเส้นทาง ระหว่างเส้นทางสันกำแพงกับกิ่งแม่ทาที่ตำบลทาเหนือ ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันเมื่อตอนเช้าวันที่ ๑๓ เดือนนี้(มิถุนายน)             

  "ฝ่าย กองคาราวานฝิ่น ซึ่งมีลูกหาบถึง ๑๐๐ คนเศษ และมีพวกฮ่อเปนมือปืนคุมมา ได้ใช้อาวุธปืนยิงมาทางเจ้าหน้าที่ก่อนขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งให้หยุด จึงเกิดยิงโต้ตอบกันขึ้น ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่มีอาวุธปืนกลและปืนยิงเร็ว ซึ่งทางฝ่ายฮ่อก็มีอาวุธปืนที่ทันสมัยเช่นกัน แต่อาศรัยที่เจ้าหน้าที่ขวัญดีกว่า จึงทำให้พวกฮ่อล่าถอยไปหลังจากยิงต่อสู้กันประมาณครึ่งชั่วโมง             

    "ผล การประทะกันครั้งนี้ ฝ่ายคาราวานฝิ่นเสียชีวิตมือปืนคุ้มกัน ๔ คน นอนตายคาปืนพร้อมทั้งฝิ่นอีก ๒ ปี๊บ จีนฮ่อทั้งสี่คนที่ถูกยิงตายนี้แต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร มีเครื่องหมายและเอกสารหลายอย่าง เจ้าหน้าที่ยึดไว้แล้ว ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อำเภอสันกำแพงพร้อมด้วยผู้พิพากษาได้ออกไปชัณสูตรพลิก ศพตามระเบียบแล้ว".

               

  พ.ต.ท.อนุ เนินหาด

รองผกก.สส.สภ.อ.แม่ริม             anunernhard@hotmail.com>                                    

ที่มา             http://www.thainews70.com/news/news-culture-arnu/view.php?topic=119

ความคิดเห็น