คนจีนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ต่อต้านรัฐบาลจีน” มีอย่างน้อย 3 ปัจจัยหลัก

 ทำไมคนจีนรุ่นใหม่ไม่ต่อต้านรัฐบาล 

      บริบทจีนมีความแตกต่างกับหลายประเทศ และในการตอบคำถามนี้ ขอทำความเข้าใจกันก่อนว่า อาจจะพอมีนักศึกษาจีนที่รู้สึกต่อต้านรัฐบาลจีนอยู่บ้าง ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของยุคสมัยนี้ที่จะมีคนที่มีเห็นต่างกันได้ แต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ในจีน 

คนจีนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ต่อต้านรัฐบาลจีน” มีอย่างน้อย 3 ปัจจัยหลักที่สำคัญ ดังนี้

1. จีนไม่มีวิกฤติศรัทธาในตัวผู้นำ  

—————————————

ด้วยภาวะผู้นำของจีนที่วางตัวได้นิ่ง ลุ่มลึก น่าเกรงขาม ไม่พูดมาก แต่เน้นแก้ปัญหาระดับรากให้กับประชาชน และมีผลงานจับต้องได้ตามที่ประชาชนคาดหวังอย่างเด่นชัดเป็นรูปธรรม เช่น การปราบคอรัปชั่นอย่างจริงจัง การขจัดความยากจน การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือ การทำให้คนจีนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น/คนจีนไม่ตกงาน  เลี่ยงการสร้างปมใด ๆ /ไม่สร้างปมใหม่ ๆ ที่จะสร้างวิกฤติศรัทธา

แน่นอนว่า จีนไม่มีภาพปัญหาของนักการเมืองห่วย ๆ เห็นแต่ประโยชน์พวกพ้องให้ประชาชนต้องสิ้นศรัทธาต่อระบบที่เป็นอยู่ด้วย

นอกจากนี้ ประสบการณ์จากการประท้วงของคนจีน เหตุการณ์เทียนอันเหมินเป็นบทเรียนที่แสนเจ็บปวดแต่มีคุณค่า lesson learned เพราะช่วงนั้น 1989 (พ.ศ.2532) เศรษฐกิจจีนมีเงินเฟ้อ 28% มีคอรัปชั่น มีความเหลื่อมล้ำ สมาชิกพรรค/เจ้าหน้าที่รัฐเป็นอภิสิทธิ์ชน  มีหลายปมที่สร้างความขัดแย้งจนทำให้คนจีนต้องลงถนนมาประท้วงครั้งใหญ่ค่ะ

บทเรียนนี้ ทำให้ยุคสีจิ้นผิงต้องเน้นปราบคอรัปชั่น อย่างเฉียบขาด และทำสงครามกับความยากจน อย่างจริงจังด้วยค่ะ

2. บทบาทของสื่อจีนมีส่วนสำคัญมาก 

——————————————-

สื่อจีนช่วยให้ประชาชนมีความมั่นใจในการแก้ปัญหาของรัฐ  ช่วยสร้างพลังบวกในการขับเคลื่อนประเทศ เช่น สื่อจีนนำ New Media มาช่วยนำเสนอภาพความสำเร็จของผลงานรัฐที่เป็นรูปธรรม  (ผลงานที่สำเร็จจริงจับต้องได้ไม่ใช่สร้างภาพ) ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก จึงช่วยสร้างความภูมิใจในชาติของคนจีนได้อีกทางหนึ่งด้วย

เช่น ช่วงระบาดของโควิด-19  สื่อจีนเน้นนำเสนอภาพของความร่วมมือร่วมใจกันของคนในชาติในการเอาชนะไวรัสร้าย การเสียสละของบุคคลากรทางการแพทย์  ไม่ใช่ภาพของการชี้นิ้วโทษกันและกัน

สื่อจีนเน้นขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล data-driven society ไม่ใช่เน้นสร้างสังคมแห่งความดราม่า (drama-driven society)

ที่สำคัญ สื่อจีนไม่นำเสนอข่าวปลอมหรือข่าวที่จะสร้าง hate speech 

(แน่นอนว่ากลไกคุมสื่อของรัฐบาลจีนอย่างเข้มงวดเป็นอีกเรื่องที่อาจจะมีการถกเถียงกันจากอีกมุมว่าเป็นจุดอ่อนในเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกและรับข่าวสารที่รอบด้าน ... เหรียญมี 2 ด้าน นะคะ)

3. คนจีนมีความภูมิใจในชาติ 

———————————-

คนจีนส่วนใหญ่มีความรักชาติยิ่งชีพและไม่ยอมให้ใครมาย่ำยี  จีนจึงมีพลังความสามัคคีที่เกิดจากจิตสำนึกตัวเอง (ไม่ใช่ถูกบังคับ) ในความพยายามเอาชนะชาติตะวันตกเพื่อให้จีนกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

คำถามตามมา ... แล้วทำอย่างไรคนจีนถึงได้ภูมิใจในชาติเช่นนี้

————————————————

ข้อนี้สำคัญมาก ต้องปลูกฝังกันมายาวนานเป็น long term strategy ไม่ใช่แค่รอปัญหาเกิดแล้วเพิ่งคิดว่าจะให้คนรักชาติ  และต้องปลูกฝังอย่างแยบยล

จีนปลูกฝังความรักชาติได้อย่างแยบยลและไม่ยัดเยียด (จนเกินงาม) แต่มีศิลปะในการค่อย ๆ แทรกซึมให้คนรักชาติ  มีแรงฮึดที่จะร่วมกันฟื้นฟูชาติ เช่น เน้นย้ำข้อเท็จจริงที่แสนเจ็บปวดจากการเคยถูกต่างชาติย่ำยี เช่น ช่วงปลายราชวงศ์ชิง จีนรบกับฝรั่งแต่ต้องแพ้ในช่วงสงครามฝิ่น จีนกลายเป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย” และต่อมาจีนโดนญี่ปุ่นย่ำยีช่วงสงครามโลก  มาจนถึงยุคนี้ สหรัฐฯ โดยคุณทรัมป์พยายามกดดันหาเรื่องจีนในสารพัดรูปแบบมาโดยตลอด

ทั้งหมดนี้ ยิ่งปลุกเร้าความรักชาติของคนจีนให้มี “ความฝันของจีน zzz Zhongguo Meng“ ที่จะต้องผงาดอย่างยิ่งใหญ่ กลับมาผงาดเป็น Middle Kingdom ของโลก (ชื่อประเทศจีนในภาษาจีนกลาง แปลว่า อาณาจักรศูนย์กลาง) อีกครั้งให้จงได้ #The Great Rejuvenation 

ยุคสีจิ้นผิง ตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา จีนจึงเน้นคำขวัญแห่งชาติในเรื่องนี้ “ฟื้นฟูชาติ”  และสื่อจีนก็นำเสนอข้อมูลไปในทิศทางนี้ เพื่อเป็นพลังบวกสร้างความฮึกเหิมในเชิงแข่งขัน/สร้างสรรค์ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ชนะฝรั่ง การส่งออกแพลตฟอร์มจีนไปบุกโลก เช่น TikTok ... เน้นด้าน soft power ของจีนในยุคดิจิทัลที่ออกไปแทรกซึมอย่างเนียนๆ ไปทั่วโลก

อ่อ แม้กระทั่งรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ที่ผลิตในยุคสีจิ้นผิงก็ชื่อว่า รุ่นฟู่สิง หรือ รุ่นฟื้นฟูชาติ !!

จีนมีเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจนและเป็นความฝันของคนในชาติร่วมกันที่จะไปให้ถึง/ทำให้ได้ คือ

วาระครบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน (1 ก.ค 2564 หรือปีหน้านี้) จีนจะเป็น “สังคมเสี่ยวคัง” คือ คนจีนทุกคนต้องไม่จน/อยู่ดีกินดีถ้วนหน้า  ผู้นำจีนตระหนักดีว่า ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคนจีนไม่เดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ก็จะไม่ลงถนน 

วาระครบ 100 ปี สร้างชาติจีน  (1 ต.ค. 2592)  จีนจะต้องเป็นชาติที่ทรงอิทธิพล (ที่สุด) ของโลก ‼️ จีนจะฟื้นฟูชาติ/จะกลับมาเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ของโลกอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้  จีนไม่ทำ 3 ไม่ (don’t)  ที่จะสร้างความแตกแยกในชาติ 

——————————————-

      1. สิ่งที่รัฐบาลจีนไม่ทำคือ ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน 

       2. สิ่งที่สื่อจีนไม่ทำคือไม่นำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธา หรือไปกระพือข่าวปลอม (Fake News) ป่วนสังคม สื่อจีนไม่พาดหัวข่าวให้คนมีความเกลียดชังกัน 

      3. และที่สำคัญสิ่งที่คนจีนไม่ทำคือ คนจีนเขาไม่แตกแยกกันเอง และคนจีนก็ไม่มัวแต่เสพสื่อไร้คุณภาพจนเกิดอคติ ที่สำคัญที่ดิฉันชื่นชมมากก็คือ คนจีนไม่มัวแต่ชี้นิ้วด่าคนอื่น หรือด่ารัฐบาล แล้วไม่มารับผิดชอบตัวเอง คนจีนเขากลับมาดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว และให้ความร่วมมือกับสิ่งที่รัฐบาลทำ

          ดิฉันคิดว่า 3 ไม่  หรือ 3 Don’t นี้เป็นตัวสำคัญเลย เพราะมันจะบั่นทอนในสิ่งที่เราทำไป ถ้าเราเกิด 3 อย่างนี้ในประเทศเราหรือประเทศไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นรัฐบาลจีน สื่อจีน และคนจีนเขาไม่ทำสิ่งเหล่านี้ เมื่อไม่ทำใน 3 สิ่งนี้ก็เลยทำให้เกิดพลังแห่งการศรัทธา


ผู้เขียน ... ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น 

อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเทศจีน


https://www.facebook.com/1450051196/posts/10221935994456213/?sfnsn=mo

ความคิดเห็น