อาลัมบัรซัคและชีวิตหลังความตายในอิสลามท้ายมีของฝากจากชาวกุโบร์

 อาลัมบัรซัคและชีวิตหลังความตาย และของฝากจากชาวกุโบร์

   ตอบคำถามโดย ไฟซอล เมาลาวี

   อับดุลนาซีร แปลและเรียบเรียง

         คำถาม : อัสลามูอาลัยกุม อยากทราบว่า อลัมบัรซัค คืออะไร? ฉันได้ยินมาว่า พระเจ้าได้สร้างสถานที่พิเศษแห่งนี้สำหรับผู้ที่ตายไปแล้ว จึงอยากทราบว่าวิญญาณของพวกเขาได้อาศัยอยู่ที่นี่หรือไม่? ท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม) ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้าง? คำถามที่สอง คนที่ตายไปแล้วจะรู้สิ่งที่เป็นไปบนโลกดุนยานี้และสิ่งที่เกิดขึ้นกับญาติพี่น้องของเขาหรือไม่? ญาซากัลลอฮฺ

       คำตอบ : คน ที่ตายไปแล้วนั้นจะไม่รับรู้ความเป็นไปใดๆของผู้คนบนโลกดุนยาแห่งนี้ เพราะพวกเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ผู้ที่ตายไปแล้วสามารถรับรู้ถึงฝีเท้าของผู้คนที่เดินอยู่เหนือตัวของเขา หรือเธอ มีรายงานว่าท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)ได้มองไปยังผู้คนแห่งบ่อ ในนั้นมีศพของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่ถูกฆ่าในสงครามบัดรฺได้ถูกโยนลงไป ท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)ได้กล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านได้พบกับความจริงที่พระเจ้าของพวกเจ้าสัญญาไว้หรือยัง” อุมัร จึงได้ถามกับท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)ว่า “ท่านกำลังพูดกับคนตายกระนั้นหรือ?” ท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)ได้ตอบแก่อุมัรว่า “พวกเขาได้ยินดีกว่าท่านเสียอีก แต่พวกเขาไม่สามารถตอบกลับมาได้” (บันทึกโดย บุคอรียฺ)

      รายงานนี้พาดพิงถึงช่วงระยะเวลาแรกๆของการตาย แต่หลังจากนั้น ความตายได้เคลื่อนไปยังโลกใหม่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่ซึ่งพวกเขาจะไม่รับรู้ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นบนดุนยานี้ สิ่งนี้ได้ยืนยันโดยอายะอฺอัลกุรอานความว่า “เจ้าไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินได้”  (ฟาฏิร : 22)

   credit  http://www.muslimthai.com/main/1428/network.php?url=http://www.tawb...

ในทัศนะอิสลาม ชีวิตหลังความตาย เป็นช่วงขอการรอคอย

       คือ...รอคอยการสอบสวนการกระทำความดี-ความชั่วอีกครั้ง ก่อนจะไปสู่นิรันดร์

      ฉะนั้น.....หลุมฝังศพ......คือ สถานที่พักก่อนการฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อชำระบาป       

        เราสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะตายแบบไหน (ผู้ปฏิเสธ, ผู้ศรัทธา) แต่เราไม่รู้ว่าจะต้องตายเมื่อใด

   มนุษย์มีอยู่ด้วยกัน 4 โลก

   1. อัรฮาม โลกในครรภ์

   2. ดุนยา (โลกแห่งการคิดบัญชี )

   3. บัรซัค (โลกหลังความตาย)

   4. กิยามะฮฺ (อาคิเราะฮฺ)  

       และก่อนตายสิ่งที่ชอบที่คุ้นเคยจะออกมาทั้งหมด ชอบแมวก็จะห่วงเรื่องแมว ชอบเล่นหวยก็จะแทงหวยให้เลข อยู่ในหนทางก็จะพูดแต่เรื่องศาสนา บางคน กล่าวแต่ชะฮาดะฮฺ หรือจะไปละหมาดอย่างเดียว ดังนั้น เมื่อไปเยี่ยมคนใกล้ตายให้สอนกล่าวชะฮาดะฮฺ

     "อัชฮะดุ อัลลา อิลาหะ อินลัลลอหฺ วะอัชฮะดุ อันนะ มุฮัมมะดัร รอซูลุลลอหฺ"

      "ข้าขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮและข้าขอปฏิญาณว่านบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตแห่งพระองค์"

     ลักษณะของมัยยิต (คนตาย)

ตายดี   

      1.  จะมีเหงื่อออกที่หน้าผาก ท่านร่อซูล (ศล.)กล่าวว่า                                                                                                   “ ผู้ที่ศรัทธานั้นจะตายในสภาพที่มีเหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ”   (บันทึกโดย อะห์หมัด อันนะซาอีย์ และอัตติรมิซีย์)

      2.  หน้าตาสดใสมีรอยยิ้มบนใบหน้ากับข่าวที่ได้ยินจากมลาอิกะฮฺมาพร้อมกับผ้ากะฝั่นที่จะใช้ห่อวิญญาณที่มาพร้อมกับ เครื่องหอมจากสวนสวรรค์

      3.กล่าวปฏิญาณก่อนตาย ท่านร่อซูล (ศล.)กล่าวว่า “ ผู้ใดที่กล่าวคำพูดสุดท้ายในโลกดุนยาว่าลาอิลาฮะอิ้ลลัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดสมควรแก่การเคารพสักการะอย่างแท้จริง เว้นแต่อัลลอฮฺเพียงองค์เดียวเท่านั้น เขาผู้นั้นจะได้เข้าสวรรค์ ”  (บันทึกโดยอบูดาวูด และอัลฮากิม)

      4.  ตายวันศุกร์ หรือคืนวันศุกร์ ดังคำกล่าวของท่านร่อซูล (ศล.) “ ไม่มีมุสลิมคนหนึ่งคนใดตายในวันศุกร์ เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงป้องกันเขาให้พ้นจากการลงโทษในหลุมฝังศพ (กุบูร) ” (บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

      5.  ตายขณะประกอบคุณงามความดี เชื่อฟัง และภักดีต่ออัลลอฮฺ เช่นทำฮัจย์ ละหมาด ถือศีลอด หรือญิฮาดในหนทาง ของพระองค์  

   ตายไม่ดี

      1.  สีหน้าเจ็บปวดหวาดกลัวตกใจสุดขีด ดวงตาเบิกกว้าง เนื่องจากการถูกกระชากวิญญาณ และได้เห็นมละกัลเมาตฺ ผู้เก็บวิญญาณในสภาพที่น่าหวาดกลัว มาพร้อมกับผ้ากระฝั่นที่จะใช้ห่อวิญญาณที่มาจากขุมนรก

      2.หน้าตาและทั่วร่างกายจะหมองคล้ำ

      3.ตายในขณะตั้งภาคี 

      4.  ปฏิบัติ สิ่งที่ฝ่าฝืนต่อพระเจ้า เช่น เจตนาฆ่าผู้อื่น ละทิ้งการละหมาด และ ละเลยต่อหน้าที่ ที่อัลลอฮฺ (ซบ.) และ ร่อซูลของพระองค์ได้ใช้ให้ปฏิบัติตาม และไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่ อัลลอฮฺ (ซบ.) และที่ร่อซูลของพระองค์ได้ห้ามไว้ 

      หลังจากตายไปแล้ว หากเป็นมัยยิตที่ซอลิฮฺจะกล่าวว่า  “ เอาฉันไปเร็วๆ ”

   หากเป็นมุสลิม อาซี (มุสลิมที่ฝ่าฝืน) จะกล่าวว่า “ อย่าเอาฉันไป วิบัติ แล้วฉัน ” เสียงนี้ ทุกสิ่งจะได้ยินหมด ยกเว้นมนุษย์ ซึ่งหากได้ยินจะหูแตก และน่าหวาดกลัว

   ตอบคำถาม แก่มาลาอิกะฮฺ

   เมื่อวางมัยยิตไว้ในกุโบร์ มาลาอิกะฮฺ  2 ท่านจะเข้ามา ชื่อ มุนกัร นะกีร ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับคำถามในกุโบร์ ทุกคำตอบจะมาจากอิหม่านของเราเอง 

      หากตอบได้  ใครคือพระเจ้า มูฮัมหมัดเป็นใคร และเขาจะกล่าวในสิ่งที่เขา เคยกล่าวว่า เขาเป็นบ่าวของอัลลฮฺ และร่อซูลของพระองค์  ฉัน ขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดสมควรแก่การเคารพสักการะอย่างแท้จริง นอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียวเท่านั้น และแท้จริงมูฮัมหมัดเป็นบ่าวของพระองค์ และเป็นร่อซูลของพระองค์ และ มุนกัร นะกีรจะกล่าวว่า แน่นอนเรารู้ว่าท่านจะต้องกล่าวเช่นนี้ กุโบร์จะกว้าง 70 ศอกและมี รัศมีแสงสว่าง (นูรฺ)หลังจากนั้นก็จะกล่าวว่าเจ้าจงนอนเหมือนคืนวิวาห์คืนแรกซึ่งการหลับ นอนเป็นสิ่งที่รักแก่เขาที่จะกลับไปหาครอบครัวของเขาเสียอีกจนกระทั่งอัล ลอฮฺจะทรงให้ฟื้นคืนชีพจากที่เขานอน ของเขาอย่างนี้แหละ (บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)

      หากเป็นมุนาฟิก จะ กล่าวว่า “ลาอัดรี” (ฉันไม่รู้) มลาลิกะฮฺจะกล่าวว่า แน่นอนเรารู้ว่าท่านจะต้องกล่าวเช่นนี้ แล้วกล่าวกับแผ่นดินว่า จงบีบเขา แผ่นดินจะบีบจนซี่โครงประสานกัน จนถึงวันกิยามะฮฺ

   (บันทึกโดย อัตติรมิซีย์ ฮะดีษเดียวกัน ต่อมาจากข้างบน)

      และสำหรับมุมินฮฺนั้นจะถูกนำเสนอให้เห็นที่ของเขาทั้งเช้าและเย็นหากเป็นชาวนรกที่ของเขาก็จะมาแสดงให้เห็นทั้งเช้า และเย็นเช่นกัน 3ประการ สู่คนตาย

      1.ซอดาเกาะฮฺที่ยังประโยชน์ เช่น บริจาคเงินสร้างมัสยิด หรือทำอะไรทิ้งไว้ให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์

      2.ความรู้ที่เป็นประโยชน์

      3.ลูกที่ซอลิฮฺขอดุอาให้ ( การขาดละหมาดแม้เพียง 1 เวลาไม่ถือว่าเป็นลูกที่ซอลิฮฺ )  

      และอีกประการ หลังวางมัยยิต ยืนปากหลุมแล้วขอดุอาตัสบีศให้มัยยิต ตอบคำถามแก่มลาอิกะฮฺได้อย่างมั่นคง

      การลงโทษในกุโบร์นั้นเป็นเรื่องจริง ครั้งหนึ่งท่านนบีเดินผ่าน 2 กุโบร์ และได้ถูกลงโทษ เรื่องการปัสสาวะ การไม่ปกปิดเอาเราะฮฺ (ส่วนใหญ่ผู้ชาย) และ การนินทาชาวบ้าน พูดแต่เรื่องคนอื่น ในสิ่งที่เสียหาย ฟิตนะฮฺ ท่านนบีเลยหยิบก้านอินผลัมสดมา 2 ก้านมาปักไว้ทั้ง 2 กุโบร์ ซอฮาบะห์ถามว่า ท่านทำอะไร ท่านนบีกล่าวว่า “หวังว่า 2 กุโบร์นี้ จะถูกลดโทษตราบที่ก้านอินทผลัมจะเหี่ยวเฉาลง ” ฮาดีษนี้เฉพาะนบีเท่านั้น

      บอกแนวข้อสอบชีวิตกันแล้วหวังว่าพี่น้องทั้งหลายอย่าได้ละเลยกับหน้าที่และรีบ  เตาบะฮฺตัวหากกำลังหลงทางอยู่ เพราะเราไม่รู้ว่าจะถึงเวลาของเราเมื่อใด 

ที่มา  http://www.oknation.net/blog/knowislam/2009/02/04/entry-5


ของฝากจากชาวกุโบร์   

        กุโบร์คือหลุมแคบๆที่บีบคนตาย  คือจุดสุดท้ายของผู้ยิ่งใหญ่ ของผู้รู้ ของคนดี ของคนเลว ของทุกๆคน กุโบร์เป็นทั้งเดาเราะฮฺ ในสวรรค์และหุฟเราะฮฺในนรก  ไม่ว่าใครจะใหญ่หรือบวมอืดแค่ไหน ก็เล็กกว่าหลุมศพด้วยกันทั้งนั้น!!!

       เมื่อท่านซัยยิดินาอาลีย์ รอฎิยัลลอฮฺฯ กลับจากสงครามซิฟฟีน ท่านได้เข้าไปในกุโบร์ และกล่าวว่า

        “โอ้ผู้อยู่ในมิติอันโดดเดี่ยว  ในกุโบร์ที่มืดมิด ท่านไปกันก่อน ฉันกำลังจะตามท่านทั้งหลายไป

        ขอแจ้งให้ท่านทั้งหลายทราบโดยทั่วกันว่า  บ้านที่ท่านเสียเงินปลูกนั้น  มีคนอื่นมาอยู่แล้ว คู่ครอง(ภรรยาหรือสามี) ของท่านเขาก็แต่งงานใหม่แล้ว เขายิ้ม เขาคลอเคลีย เขาพะเน้าพะนอกัน  คน เขาพูดกันว่า เขารักกันดีกว่าคู่ครองคนเก่าด้วยซ้ำ ทรัพย์สมบัติที่ท่านลุ่มหลงมากนั้นหรือ? เขาแย่งกัน เขาทะเลาะกัน และในที่สุด เขาก็แบ่งกันตามกฎหมาย ไม่แบ่งกันตามหลักการอิสลาม และมันก็เป็นเหตุให้ลูกๆหลานทะเลาะกัน  ทั้งหมดนี้คือข่าวคราวจากดุนยาที่ฉันขอแจ้งให้ทราบ  ขอท่านทั้งหลายได้โปรดแจ้งข่าวของพวกท่านในบัรซัคแห่งนี้ ให้พวกเรารับทราบด้วย?”

      และท่านอาลีย์ ก็ได้หันไปทางซอฮาบะฮฺ พลางกล่าวว่า

   “หากชาวกุโบร์จะได้รับอนุญาติให้พูด   พวกเขาจะต้องบอกกับพวกท่านว่า  แท้จริงเสบียงที่ดีที่สุดคือ ตักวา”

        สองคืนที่ทุกคนต้องค้างแรม คืนที่หนึ่ง คือคืนที่อยู่ในดุนยา อยู่กับครอบครัว อยู่กับความสุข หัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข  คืนที่สองคือ คืนพรุ่งนี้ คืนที่มะลิกุลเมาต์มาเป็นแขกที่เราไม่ได้รับเชิญ เราจะต้องถูกแบกไปฝังฝนกุโบร์ คนเดียว โดดเดี่ยว  อะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา  ในคืนที่เราไม่เคยนี้.... คืนที่ไม่มีใครสักคน...

   โอ้ความตายเอ๋ย...เจ้าช่างไม่กลัวสิ่งใดเลย

   เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับกษัตริย์

   เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับยาจก

   เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับคนกล้า      

     เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับคนขี้ขลาด            

    เจ้าทำให้บรรดาลูกๆ ต้องเป็นเด็กกำพร้า                     

   และเจ้ายังทำให้บรรดาคุณพ่อ – คุณแม่ต้องเสียใจ

   มันเป็นเพราะ....ความตายไม่ใช่หรือ?

   “แต่ละชีวิตนั้น จะได้ลิ้มรสแห่งความตาย  และแท้จริงที่พวกเจ้าจะได้รับรางวัลของพวกเจ้าโดยครบถ้วนนั้น คือวันปรโลก  แล้วผู้ใดที่ถูกให้ห่างไกลจากไฟนรก และถูกให้เข้าสวรรค์แล้วไซร้ แน่นอน เขาก็ชนะแล้ว   และชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้น มิใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่งอำนวยประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น

   (ซูเราะฮฺ อาลาอิมรอน : 185)

   ที่มา http://zayfullah.spaces.live.com/

   


ความคิดเห็น