เรื่องเล่าบะเก่า"ซอยสุเหร่าบ้านฮ่อ" เชียงใหม้เรื่องราวในอดีตแบ่งปันคนยุคปัจจุบัน

 

เรื่องเล่าบะเก่า"ซอยสุเหร่าบ้านฮ่อ"

เรื่องเล่าบะเก่า"ซอยสุเหร่าบ้านฮ่อ" เชียงใหม่  




         ผมได้มีโอกาสคุยกับอาจารย์กุลิศ เฉลิมไทย ผ่านทางกล่องข้อความเฟสบุ๊ค ท่านบอกว่าท่านมีภรรยาเป็นมุสลิมที่มีเชื้อสายจีนยูนนาน อยากถามผมว่าผมเคยเรียนบ้านฮ่อ หรืออยู่ในย่านนี้ใหม ผมตอบท่านไปว่าไม่เคยอยู่แต่ผมก็เป็นลูกหลานคนจีนยูนนานหรือที่เรียกกันจนกลายเป็นความคุ้นชินว่า จีนฮ่อ คนหนึ่ง ลูกหลานคน แซ่ม้า คุณพ่อชื่อ ม้าสือช่าย มีคุณแม่เป็นคนพื้นเมืองอยู่ที่อำเภอสารภี จ.เชียงใหม่
ท่านอาจารย์เล่าให้ผมฟังว่า ภรรยาเป็นคนบ้านฮ่อ เป็นลูกของต๋าเต (ใบ้) หรือน่าท่งซี เธอเป็นลูกศิษย์เรียนกุรอานกับ อิหม่ามเลาแปว บ้านแกอยู่ช้างคลาน กับอิหม่ามใหญ่ พ่อหมอตี๋ สมัยนั้นอิหม่ามะหยีซาง ยังมีชีวิตอยู่ด้วย ภรรยาท่านเล่าเรื่องราวชีวิตสมัยเด็กให้ฟังไว้น่าสนใจ เกี่ยวกับ ประสบการณ์กับวิถี ความเป็นอยู่ของคนรุ่นแรกที่อพยพมาอยู่ในเชียงใหม่

        ผมอ่านแล้วทำให้คิดถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ของชาวกาดหลวง ที่เล่าเรื่องราวเก่า ๆ ชีวิต วิถี ภาพที่เห็น ในยุคที่เติบโตมาพร้อมกับความเจริญแห่งยุคสมัย เกี่ยวกับชาวกาดหลวงในอดีตได้รวบรวมเรื่องเล่ามุมมองของแต่ละคน ทำเป็นหนังสือ ออกมาต่อเนื่อง ถึงสองเล่ม โดยใช้ชือหนังสือว่า "เรื่องเล่าจาวกาด"
ในวาระที่บ้านฮ่อ ครบ 100 ปี ผมฝันอยากเห็น"เรื่องเล่าซอยสุเหร่าบ้านฮ่อ" จะเล่าโดย ลูกหลาน ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงสังคมบ้านฮ่อ วิถี ความเป็นอยู่ ความสุขทุกข์ในอดีต รวบรวมเรื่องเล่า ของแต่ละท่าน เป็นหนังสือสักเล่ม ขาย หรือแจกในงาน ฉลองครบรอบ 100 ปี อันนี้เพียงอยากเห็น ลองดูตัวอย่างที่ภรรยาของอาจารย์กุลิศ ส่งให้ผมอ่าน อ่านสนุกครับ เห็นภาพ น่าสนใจ อ่านดูนะครับ


      "สลามมุอลัยกุมเจ้า ขอบคุณจาดนักเจ้าที่ตอบมาเล่ากันฟัง เจ๊เป็นน้องโกหนุ่ยหรือสุไลมานห่างกันแค่ปีเดียวเจ้า ตอนเกิดเจ๊เกิดในบ้านเช่าของสุเหร่าบ้านฮ่อ ภายในตัวสุเหร่าเลยแล้วแม่เจ๊เอาไปเลี้ยงที่ ต.อุโมงค์ จ. ลำพูนเขตแดนติดสารภีจริงๆแล้าเราอยู่ใกล้กันนะ

       ในตอนนั้น แม่เจ๊ก็เป็นคนเมือง เจ๊เรียนจบ ป.4 ที่บ้านนอกอาตาเจ๊กลัวพวกเราจะหลุดออกจากศาสนาก็เลยรื้อบ้านที่บ้านนอกมาปลูกในเมื่อง ก่อนจบ ป.4 อาตาให้เริ่มเข้าเวียงมาเรียนกุรอานบ้านฮ่อเจ๊กับโกหนุ่ยนั่งรถประจำทางสายลำพูนแต่ก่อนตัวถังรถและพื้นรถทำด้วยไม้กระดาน.       

       สมัยนั้นอิหม่ามใหญ่คือพ่อหมอตี๋เจ๊เรียนกุรอานเล่มเล็กกับอิหม่ามเลาแปว ซึ่งเป็นพ่อหมออะไรสักอย่าง เจ๊จำชื่อไม่ได้ลูกอิหม่ามเป็นหมอทุกคนเลย (ลูกชายหมด) อ้อ หมอคนหนึ่งได้เป็นน้องเขยของหมอนุชาติเจ้า. ต่อมาเจ๊ขึ้นกุรอานเล่มใหญ่เจ๊เรียนกับอิหม่ามใหญ่จนจบ สมัยนั้นน้องๆ เจ๊เริ่มได้เรียนกับ ครูมลายูที่ ทางสุเหร่าจ้างให้อยู่ประจำกับมัสยิดสามคนมีครูดาวูด ครูวรรณา ครูสุนีย์
ครอบครัวเจ๊แต่ก่อนลำบากทีเดียวแม่เจ๊ขายขนมเส้นน้ำเงี้ยวก่อนๆนั้นหาบไปขายตลาดต้นลำไยไกลบ้านมาก บ้านเราอยู่ซอยตรงข้ามกับโรงแรมสุริวงศ์ ปัจจุบันคือบริเวณบ้านของเจ๊คำลี(ปริชาติ ฟูอนันต์) ลูกต๋าเตหมู่กุยชี

       ตอนเจ๊จบมัธยมแม่เริ่มเข็นใส่รถไปขายไนท์บาซาร์โดยสมัยนั้นไม่ใช่เป็นอาคารเป็นการตั้งขายของบนฟุตบาทกางร่มขายหน้าฝนแม่ค้าต้องเอาพลาสติกคลุมแผงอุตลุดไม่ค่อยสนุกเลย
ตอนเด็กบ้านฮ่อสนุกมากคนจีนฮ่อจะอยู่ติดๆสุเหร่าเป็นหลังๆอาณาเขตคนจีนฮ่อกว้างขวางมากทีเดียวมีทั้งบ้านที่ต้องเช่าหรือบ้านที่คนจีนฮ่อเป็นเจ้าของเอง จากเขตสุเหร่ายาวมาถึงเขตตลาดอนุสารวัดศรีดอนไชยบางครอบครัวอยู่แถบทุ่งช้างคลานสมัยนั้นช้างคลานไม่มีตึกขึ้นเลย


        สมัยนั้นยอมรับจริงๆว่าสังคมเราเข้มแข็งมากมีการเชื่อมโยงใกล้ชิดกันเสมอมีการทำบุญบ้านนั้นบ้านนี้เลี้ยงข้าวสลับกันถี่ๆ พวกเราเด็กๆก็สนุกได้ไปกินบุญพ่อครัวมือแกงมักเป็นคนจีนฮ่อผู้ชายทั้งหมดผู้หญิงเป็นแค่คนช่วยปอกหอมปอกเทียมฝีมือพ่อครัวยุคนั้นอร่อยจริงๆ เพราะเขาเจ้าตำรับพิถีพิถัน ในการรักษาสูตรไม่เอาของประยุกต์ เดี๋ยวนี้กลายพันธุ์ เอาง่ายเข้าไว้


        เจ๊ดีใจที่สามีเจ๊เล่าให้ฟังว่ามีเฟสบุคของน้องชุมพลมักลงเรื่องบ้านฮ่อและเล่าตำนานย้อนอดีต. สามีเจ๊เรียกให้มาอ่านดูเพราะเจ๊ไม่เล่นเฟสบุค เจ๊เข้ามาดูก็ชอบมากเจ้าได้ความรู้ได้ตามเหตุการณ์สังคมบ้านฮ่อใกล้ชิด. เจ๊ไม่ค่อยได้มาเชียงใหม่บ่อยเพราะสามี(คนมลายู) เขาทำงานประเทศอาหรับอิมิเรตส์ เราเลยเอาครอบครัวไปอยู่ด้ายกันเกือบยี่สิบปีตอนนี้เกษียณแล้วเพิ่งได้กลับมากรุงเทพ.


       ตั้งแต่ เจ๊แต่งงานก็มาอยู่. กทม แล้วไม่นานสามีได้งานไปอาหรับเจ้า. คิดถึงบรรยากาศเก่าๆบ้านฮ่อนะมาทีไรไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรือคงเค้าเดิม. คนจีนฮ่อย้ายออกจากชุมชนไปหมดแล้วเหลือแค่ซอยสุเหร่านับหลังคาได้ไม่กี่หลัง. ขอบคุณน้องมากๆเจ้าที่มีเฟสดีๆให้อ่านขอบคุณสำหรับสูตรอาหารนักๆเจ้าขออัลลอฮ. ซ.บ.ทรงตอบแทนด้วยสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์. อามีน"     (ปัจจุบันผู้เล่าได้เสียชีวิตลงแล้ว ขออัลลอฮฺเมตตาท่าน)

        สรุปเท่าที่มองเห็น คนจีนมุสลิมในยุคนั้นเป็นห่วงลูกหลาน รักษาศาสนาอิสลามด้วยหัวใจ ถึงแม้นจะมีความรู้เรื่องอิสลามอย่างน้อยนิด แต่ก็มีความมั่นคง เห็นการต่อสู้ชีวิตของคนรุ่นแรกเพื่อมีชีวิตที่ดีสู่รุ่นต่อรุ่น เรื่องราวที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ หากสูญหาย ไป ถือว่าน่าเสียดายมาก ขอฝากตวยเน้อครับ

ความคิดเห็น