ความสำคัญของเดือนต้องห้าม 4 เดือน และสิ่งที่ควรปฎิบัติ

ความสำคัญของเดือนต้องห้าม 4 เดือน และสิ่งที่ควรปฎิบัติ


       1.เดือน อัลมุฮัรรอม เป็นเดือนแรกของปฏิทินอิสลาม ส่วนวันสำคัญในเดือนนี้ได้แก่วัน อาชูรออ์คือวันที่ 10 มุฮัรรอม เป็นวันที่ท่านศาสดา มูฮัมหมัดได้ส่งเสริมให้ถือศีลอดและรวมถึงวันที่ 9 มุฮัรรอม ด้วย สิ่งที่ควรจะปฏิบัติในเดือนนี้

        - ควรที่จะถือศีลอดสุนัตให้มาก ดังที่ท่านศาสดา ได้ทรงกล่าวว่า ความประเสริฐของการถือศีลอดรองจากเดือนรอมฎอนคือ การถือศีลอดเดือนแห่งอัลลอฮ์ อัลมุฮัรรอม
        - เล่าประวัติศาสตร์หรือระลึกถึงการอพยพของท่านศาสดา ให้บุตรหลานหรือสมาชิกของครอบครัวฟัง
        - สุนัตให้ถือศีลอดในวันอาชูรออ์คือวันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอมซึ่งถือเป็นแบบฉบับของท่านศาสดา ดังมีอัลฮะดีษ ความว่าท่านศาสดาถูกถามถึงการศีลอดในวันอาชูรออ์ ท่านกล่าวว่ามันจะลบล้างความผิดในหนึ่งปีที่ผ่านมา

        2.เดือนรอญับ เป็นเดือนลำดับที่7 ตามปฏิทินทางจันทรคติ ของชาวอาหรับอยู่ระหว่าเดือนญุมาดา อัลอาคิเราะห์ และ เดือนชะอ์บาน คำว่ารอญับมีรากศัพท์ในภาษาอาหรับหมายถึง ละอาย เกรงกลัว ครั่นคร้าม ชาวอาหรับเรียกเดือนนี้ว่า รอญับ เพราะยกย่องและให้ความสำคัญ ต่อเดือนนี้เป็นอันมาก นับแต่ยุคอัลญาฮีลียะห์ (ยุคก่อนอิสลามอันเป็นยุคแห่งอวิชชา) และถือว่าเดือนนี้เป็นหนึ่งในสี่เดือนต้องห้ามที่แยกเป็นเอกเทศ เมื่อชาวอาหรับเรียกเดือนนี้ว่า อัรร่อญะบานี
        วันสำคัญของเดือนนี้ วันที่ 27 เป็นวันที่ท่านศาสดา เสด็จขึ้นชั้นฟ้า สิ่งที่ควรจะปฏิบัติในเดือนนี้ ระลึกถึงค่ำคืน อัลอิสรออ์วั้ลเมี๊ยะรอจ โดยการเล่าประวัติศาสตร์ของคืนดังกล่าวให้บุตรหลานได้รับทราบ

         3.เดือนซุ้ลเกาะอ์ดะห์ หรือ ซุ้ลกิอดะห์ เดือนลำดับที่ 11 ตามปฏิทินทางจันทรคติของชาวอาหรับ เหตุที่เรียกเดือนนี้ว่า ซุ้ลเกาะอ์ดะห์ หรือ ซุ้ลกิอดะห์ ก็เพราะชาวอาหรับจะระงับ ละเลิก จากเรื่องไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการรุกรานเผ่าอื่น การปล้นสะดมทั้งนี้เดือนซุ้ลเกาะอ์ดะห์ นับเป็นหนึ่งในสี่ของเดือนต้องห้าม และในช่วงเวลาการประกอบพิธีฮัจน์ ในเดือน ซุ้ลฮิจญะห์ ฉะนั้นจึงต้องมีช่วงเวลาที่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสำหรับผู้ที่เดินทางสู่นครมักกะห์ตามเส้นทางสู่การประกอบพิธี ฮัจญ์

         4.เดือนซุ้ลฮิจญะห์ เดือนสุดท้ายลำดับที่ 12 ตามปฏิทินทางจันทรคติของชาวอาหรับ อยู่ระหว่างเดือน ซุลเกาะห์ดะห์กับเดือนมุฮัรรอม เหตุที่เรียกเดือนนี้ว่า ซุ้ลฮิจญะห์ ก็เพราะว่าเป็นช่วงฤดูฮัจญ์ที่ชาวอาหรับจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมุ่งสู่นครเมกกะห์เพื่อประกอบพิธี ฮัจญ์ คำว่า อัลฮัจญ์ หมายถึง การเยี่ยมเยียน เช่น เยี่ยมเยียนสถานที่สำคัญ ส่วนคำว่าอัลฮิจญะห์ หมายถึง ปี เพราะการประกอบพิธีฮัจญ์ จะถูกกระทำตามศาสนบัญญัติในทุกๆ ปี ชาวอาหรับบางทีก็นับจำนวนปีโดยอาศัยการประกอบพิธีฮัจญ์ เช่น อาศัยอยู่ในนครเมกกะห์มา 3 ฮัจญ์ แล้ว
        - วันสำคัญของเดือนนี้ เป็นเดือนแห่งการประกอบพิธีฮัจญ์ วันที่ 9 คือวันอะร่อฟะห์, วันที่ 10 คือวันตรุษอีดิ้ลอัฏฮา , วันที่ 29 หรือ 30 เป็นวันสิ้นปี ศักราชอิสลาม
        - สิ่งที่ควรปฎิบัติในเดือนนี้ ไปประกอบพิธีฮัจญ์สำหรับผู้ที่มีความสามารถ , สำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์นั้น สุนัตให้ถือศีลอดในวันอะร่อฟะห์, ร่วมกันละหมาดอีดิ้ลอัฏฮา, เชือดสัตว์กุรบ่าน และแจกจ่ายให้แก่ผู้ยากไร้,สำนึกตัว(เตาบัต)ในความผิดที่ผ่าน และออกซะกาตเมื่อครบพิกัดและครบปี

        หากศึกษาจะพบว่าอิสลามไม่ได้ห้ามทำการทำสงครามเฉพาะในเดือนต้องห้ามทั้ง4 แต่ยังมีบทลงโทษที่สาหัสอีกด้วย อัลกุรอาน ได้ระบุชัดเจน ว่าการทำสงครามในเดือนต้องห้ามนั้นถือเป็นบาปใหญ่ นอกจากนั้นการสังหารผู้อื่นโดยไม่เจตนายังต้องจ่ายสินไหมทดแทนเป็นสองเท่า ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่แสเงว่า อิสลาม ได้ให้ความสำคัญและให้ความเคารพต่อเดือนต้องห้ามทั้งสี่ แต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประเทศไทยนั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับได้ใช้ประโยชน์จากาารที่ชาวมุสลิมให้เกียรติต่อเดือนทั้งสี่ มาทำลายความศักดิ์สิทธิ์ด้วยการจับอาวุธ ก่อเหตุ ทำร้าย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ไปจนถึงผู้บริสุทธิ์ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มันไม่ได้มีสิทธิ์กระทำได้ทั้งสิ้นไม่ว่าคนผู้นั้นจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เพราะการฆ่าคนนั้นถือเป็นบาปใหญ่ ในอัลกุรอ่านไม่เคยอนุญาตให้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทุกคนมีค่าตามคำสอนของอัลกุรอ่าน ฉะนั้นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ชอบแอบอ้างว่าทำเพื่อศาสนา ทำเพื่อ พระเจ้าอัลลอฮ์ คงจะไม่เป็นการกระทำที่ถูกต้อง (ยังไงก็ไม่ถูกต้องแน่นอน) เพราะถ้าผู้ที่ได้ศึกษาหลักของศาสนาอิสลามอย่างถ่องแท้ คือในคัมภีร์อัลกุรอ่าน พวกเขาเหล่านั้นจะไม่หลงผิดและเดินในแนวทางผิดๆ แต่พวกเขาจะส่งเสริมคนดีและทำความดีละเว้นความชั่ว สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ไม่ว่าในพื้นที่นั้นจะมาจาก ผู้คนที่นับถือศาสนาใด หรือ ชาติพันธุ์ใดก็ตาม เพราะอิสลามนั้นแปลว่าสันติภาพ
    
   ISLAM means PEACE
   ที่มา
   https://www.facebook.com/Langkasuka108story/posts/771532962986311

ความคิดเห็น