การซีนาคืออะไรคะ มีบทลงโทษเป็นอย่างไรบ้าง/ทำไมชายอิสลามจึงต้องขลิบ/มุสลิมสามารถโกหกได้ในสามกรณีนี้และไม่เป็นบาป


การซีนาคืออะไรคะ มีบทลงโทษเป็นอย่างไรบ้าง




อาจารย์คะ มีข้อสงสัยคะ การซีนาคืออะไรคะ มีกี่แบบคะ และมีบทลงโทษแต่ละอย่างเป็นอย่างไรบ้างคะ ขอบคุณคะ วัสสลาม ---------------------------------------------

ตอบ อ.อาลี เสือสมิง การซีนาคืออะไร وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته ซินา ( الزِّنَا ) เป็นคำอาหรับ มีคำกริยาว่า ซฺะนา ( زَنٰى ) มีรูปคำอาการนามว่า زِنًى (ตามสำเนียงฮิญาซฺ) และ زِنَاءً (ตามสำเนียงเผ่าตะมีม) หมายถึง فُجُورٌ ซึ่งมีความหมายว่า การเบี่ยงเบนจากความถูกต้อง, การฝ่าฝืน, ความเสียหาย, การผิดประเวณี ในที่นี้หมายถึง การผิดประเวณีอันเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรมอิสลาม, ซินา มี 2 ลักษณะคือ

           1. ซินาในเชิงนามธรรม อาทิเช่น การมองดูเพศตรงข้ามด้วยอารมณ์กำหนัด การเกี้ยวพาราสี การสัมผัสลูบคลำ เป็นต้น การกระทำข้างตนเข้าข่ายเป็นซินา กล่าวคือ เป็นสิ่งชักนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ถือเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) และผู้กระทำโดยเจตนามีบาป (อิซฺม์) การซินาในลักษณะที่ 1 นี้ไม่มีบทลงโทษที่ถูกกำหนดไว้ตามกฎหมายอิสลามแต่ผู้กระทำการดังกล่าวจะถูกปรามหรือถูกลงโทษสถานเบา (ตะอฺซีรฺ) ตามดุลยพินิจของฝ่ายปกครองหรือศาลอิสลาม เช่น เฆี่ยน, ด่าทอ, ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวด้วยหรือการเนรเทศ (มินฮาญุลมุสลิม 425) แล้วแต่กรณี

          2. ซินาในเชิงรูปธรรม คือการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรมอิสลาม ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมที่มีบทลงโทษรุนแรงสถานหนักกำหนดเอาไว้ ( حُدُوْدٌ ) นักวิชาการระบุคำนิยามของซินาลักษณะนี้ว่า หมายถึง การร่วมเพศที่ต้องห้ามในทวารหน้าหรือทวารหลัง (มินฮาญุลมุสลิม 415) โดยลักษณการร่วมเพศเป็นไปโดยการทำให้ส่วนปลายองค์ชาติ (ส่วนที่ถูกขลิบหนังหุ้มปลายออกไป) หายเข้าในอวัยวะเพศของหญิงที่ต้องห้ามมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยอวัยวะเพศนั้นกระตุ้นอารมณ์กำหนัดตามภาวะปกติ ทั้งนี้มิใช่การมีเพศสัมพันธ์ในกรณีการสมรสที่คลุมเครือ (นิกะฮฺ ซุบฮะฮฺ) ถึงแม้ว่าจะไม่มีการหลั่งก็ตาม (ฟิกฮุซฺซุนนะฮฺ ; ซัยยิดซาบิก 2/553) โดยกระทำไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งต้องห้าม (อิอานะตุตตอลิบีน, อัดดุมยาฏีย์ 4/162)

           การมีเพศสัมพันธ์ตามลักษณะดังกล่าวถือเป็นซินาที่ผู้กระทำจำต้องได้รับบทลงโทษสถานหนักตามหลักนิติธรรมอิสลาม เพราะถือเป็นคดีอาญาร้ายแรงรองจากการตกศาสนา (ริดดะฮฺ) และการฆ่า (อิอานะตุดตอลิบีน 4/161) และเป็นมหันตโทษ (บาปใหญ่) โดยหลักนิติธรรมอิสสลามกำหนดบทลงโทษเอาไว้ 2 ลักษณะ กล่าวคือ

           1. ผู้ทำซินาเป็นบุคคลที่ไม่เคยผ่านการสมรสที่ถูกต้องตามหลักศาสนามาก่อน ( غَيْرُمُحْصَن ) มีบทลงโทษ ด้วยการถูกเฆี่ยน 100 ที ตามวิธีการที่ถูกกำหนดไว้ถูกเนรเทศออกจากบ้านเมืองในระยะทางที่อนุญาตให้ละหมาดย่อหรือมากกว่านั้นเป็นเวลา 1 ปี (มินฮาญุลมุสลิม) 415, อิอานะฮฺ 162)

           2. ผู้ทำซินาเป็นบุคคลที่ผ่านการสมรสที่ถูกต้องตามหลักศาสนามาก่อนแล้ว ( مُحْصَن ) มีบทลงโทษด้วยการถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย (มินฮาญุลมุสลิม 415) ทั้งนี้คำนึงถึงเงื่อนไขของผู้ทำซินา ซึ่งถูกลงโทษทั้ง 2 ลักษณะว่า เป็นมุสลิม มีสติสัมชัญญะบรรลุศาสนภาวะ, สมัครใจมิได้ถูกบังคับ และผู้ทำซินานั้นยอมรับสารภาพด้วยตัวเองในสภาพปกติ หรือมีพยานยืนยันที่เป็นชายที่เชื่อถือได้จำนวน 4 คน และผู้ทำซินานั้นไม่กลับคำให้การก่อนคำเนินการลงโทษ (อ้างแล้ว หน้า 416)

           และลักษณะวิธีการในการเฆี่ยนนั้น ให้จำเลยนั่งลงกับพื้น และเจ้าหน้าที่เฆี่ยนที่หลังของจำเลยด้วยแส้ขนาดปานปลางและเฆี่ยนในระดับปานกลางจำนวน 100 ที ผู้หญิงก็เช่นเดียวกับผู้ชาย ยกเว้นให้นางปกปิดร่างกายด้วยผ้าบางๆ และการลงโทษต้องคำนึงถึงสภาพอากาศและสุขภาพของจำเลยด้วย ส่วนการขว้างนั้น ให้ขุดหลุมลึกถึงหน้าอกของจำเลยแล้วขว้างด้วยก้อนหินจนตายต่อหน้าผู้ปกครองหรือตัวแทนและพยานตลอดจนชาวมุสลิมที่ร่วมรับรู้การลงโทษนั้นไม่น้อยกว่า 4 คน (อ้างแล้ว หน้า 414, 417) ที่กล่าวมานี้ในกรณีที่มีการสารภาพหรือมีคำร้องถึงศาลอิสลามตามกระบวนวิธีพิจารณาคดีอาญา ส่วนถ้าไม่มีศาลอิสลามก็ให้ผู้กระทำผิดสำนึกผิด (เตาบะฮฺ) ตามเงื่อนไขที่ศาสนากำหนดไว้ والله أعلم بالصواب

ข้อมูลจาก http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=339.0



ทำไมชายอิสลามจึงต้องขลิบ
         การขลิบหนังปลายอวัยวะเพศชายเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์สะท้อนถึงความเอาใจใส่ในการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลของ อิสลาม การขลิบเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมุสลิมชาย เนื่องจากเป็นหลักปฏิบัติที่สืบเนื่องมาจากท่านศาสดามุฮัมมัด และการขริบนั้นมีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ศาสดาอิบรอฮีมหรือท่านอับราฮัมในยุคอียิปต์โบราณ เป็นสิ่งที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาทางวัฒนธรรมและศาสนาเป็นเวลานานมาแล้ว มิใช่แต่เฉพาะในประเทศอิสลามเท่านั้น แต่ยังปฏิบัติกันในส่วนอื่นๆของโลกอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา ทารกเพศชายกว่าหนึ่งล้านคนก็ได้รับการขลิบหนังปลายอวัยวะเพศในแต่ละปี

        การขลิบหนังปลายอวัยวะเพศชายเป็นกฎของการรักษาความสะอาดข้อหนึ่งในอิสลาม วิธีการขริบในสมัยก่อนเรียกกันว่า “ Abraham’s method ” ทำโดยการใช้ไม้หนีบคีบหนังหุ้มปลายให้ยืดออกพอประมาณ จากนั้นใช้ของมีคมที่พอหาได้ตามแต่ในยุคสมัยนั้นๆ ตัดผ่านผิวหนังหุ้มเฉพาะส่วนที่ยืดพ้นจากปลายขององคชาติอย่างรวดเร็ว และปล่อยให้เลือดหยุดเอง ความหมาย คิตาน เป็นภาษาอาหรับ มีรากศัพท์มาจากคำว่า Khatana มีความหมายว่า ตัด(Cut หรือ Sever) ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Circumcision (คำนาม หมายถึง ควั่น เข้าสุนัต)

         บทบัญญัติ ความจริงการขลิบหนังปลายอวัยวะเพศชายเป็นแบบของนบีอิบรอฮีม และนบีมูฮัมหมัด(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ท่านนบีมูฮัมหมัดเองได้กล่าวว่า “ ห้าอย่างที่เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ นั่นคือการขลิบหนังปลายอวัยวะเพศชาย การโกนขนในร่มผ้า การตัดเล็บ การถอนขนรักแร้ และการขลิบหนวด ”

          จากหะดีษดังกล่าว อิมามอบูหะนีฟะฮฺและอิมามมาลิกถือว่า การขลิบหนังปลายอวัยวะเพศเป็นแบบฉบับอันดีงามของนบีที่ได้รับการยืนยัน(สุนัตมุอักกะด๊ะฮฺ) ในขณะที่อิมามซาฟีอีและอิมามอะหมัด อิบนุฮัมบัลถือว่าเป็นหน้าที่(วาญิบ)สำหรับมุสลิมทุกคน คำว่า “ฟิฎเราะฮฺ” ในส่วนที่เกี่ยวกับความสะอาดนั่นหมายถึง “ความรู้สึกเบื้องลึกของมนุษย์ในเรื่องความสะอาดซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นทางศีลธรรมและสุขภาพจิตของเรา” มะวาร์ดี

         นักวิชาการอิสลามได้กล่าวว่า “วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการตัดหนังปลายอวัยวะเพศของผู้ชายออกให้หมดโดยไม่ให้อะไรเหลือไว้ปกปิดปลายองคชาตเลย” ท่านนบีมุฮัมมัดได้แนะนำให้ทำการขลิบหนังปลายอวัยวะเพศตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้น มะวาร์ดีจึงแนะนำว่าควรจะทำเมื่อเด็กเกิดได้ครบ 7 วัน แต่ก็อนุญาตให้เลื่อนออกไป 40 วันจนถึงอายุ 7 ขวบได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพของทารกและเด็กในตอนนั้น
ที่มาของข้อมูล : หนังสือ "อิสลาม กับคำถามที่ต้องตอบ"   ข้อมูลเพิ่มเติม  : http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5291778/L5291778.htm


มุสลิมสามารถโกหกได้ในสามกรณีนี้และไม่เป็นบาป
ขอความสันติจงีมีแด่ท่าน ศาสนาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้มุสลิมโกหก หากมุสลิมคนใดโกหกถือว่าเขามีความผิด ยกเว้น 3 กรณีเท่านั้น ที่โกหกแล้วไม่มีความผิด

1. โกหกเพื่อให้บุคคลที่โกรธกันกลับมาคืนดีกัน

2. สามีโกหกภรรยา หรือภรรยาโกหกสามีเพื่อความพึงพอใจกัน

3. โกหกในภาวะสงคราม




ความคิดเห็น