ข้อห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน /และการเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์/ตำนานยาบำรุงกาม คำสอนในอิสลาม

ข้อห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน /และการเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์/ตำนานยาบำรุงกาม  คำสอนในอิสลาม

ข้อห้ามการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน 



จาก www.sunnahstudent.com

Neo-Blythe-Fashion-Obsession-Jenna-A8-3

             ท่านอิบนุอามูน กล่าวว่า การร่วมหลับนอนระหว่างสามีภรรยานั้น ถูกห้ามในขณะที่มีประจำเดือน เพราะอัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับ(ปัญหาของ) ประจำเดือน เจ้าจงตอบเถิดว่า อันประจำเดือนนั้นเป็นความสกปรกอย่างหนึ่ง ดังนั้นพวกเจ้าจงแยกตัวออกจากสตรี(ผู้เป็นภรรยา)ในช่วงมีประจำเดือนเถิด" อัลบะกอเราะฮ์ 222 บางทัศนะกล่าวว่า ความหมายของมันก็คือ พวกท่านจงห่างจากอวัยวะเพศของพวกนาง ซึ่งเป็นทัศนะคำกล่าวของท่านหญิงหัฟเซาะฮ์ และได้ถูกรายงานจากท่านมุญาฮิด และเป็นทัศนะที่ท่านอัสบัฆยึดถือ และได้ถูกรายงานจากท่านอิมามอัชชาฟิอีย์และท่านอิกริมะฮ์เช่นกัน และบางทัศนะกล่าวว่า หมายถึงห่างไกลจากที่นอนของพวกนาง ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกรายงานจากท่านอิบนุอับบาสและท่านอิบนุอับบาสก็ทำการแยกที่นอนกับภรรยาของท่านในขณะที่มีประจำเดือน ดังนั้นเรื่องดังกล่าวจึงทราบถึงน้าสาวของท่านคือท่านหญิงมัยมูนะฮ์ ท่านนางจึงกล่าวกับท่านอิบนุอับบาสว่า ท่านไม่ปรารถนาซุนนะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กระนั้นหรือ? ขอสาบานว่า แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้นอนพร้อมกับบรรดาภริยาของท่านในขณะที่มีประจำเดือนโดยที่ระหว่างท่านและนางนั้นมีผ้าปิดจนพ้นสองหัวเขา และบางทัศนะกล่าวว่า สิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้านุ่งของพวกนาง ซึ่งเป็นทัศนะที่เลื่องลือของท่านอิมามมาลิก เหมือนที่ได้ระบุไว้ในหะดิษซอฮิห์ความว่า "ผู้มีประจำเดือนนั้น จงผูกผ้าให้แน่นและส่วนเรื่องของท่านนั้นคือข้างบนของนาง(จากสะดือขึ้นไป)"

               และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "จนกว่าพวกนางจะสะอาด" อัลบะกอเราะฮ์ 222 หมายถึง จนกระทั่งพวกนางได้เห็นเครื่องหมายของความสะอาดแล้ว จากเลือดหยุดหรือเลือดแห้ง "ดังนั้นเมื่อพวกนางสะอาดแล้ว" อัลบะกอเราะฮ์ 222 หมายถึง สะอาดด้วยการอาบน้ำตามทัศนะที่เลื่องลือ "พวกเจ้าก็จงเข้าหาพวกนางเถิดตามที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงบัญชาแก่พวกเจ้า" อัลบะกอเราะฮ์ 222 หมายถึง ร่วมหลับนอนกับนางทางด้านหน้าไม่ใช่ทางทวารด้านหลัง , และหลักการของนิฟาส(เลือดที่ออกมาหลังจากคลอดบุตร)ก็เหมือนกับหลักการของเลือดประจำเดือนโดยทั้งหมด

            ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรห์ อัลอุมดะฮ์ ว่า "ห้ามทำการร่วมหลับนอนในขณะมีประจำเดือนนั้น ถือว่าเป็นอิบาดะฮ์ , หมายถึงเรื่องของเลือดนิฟาสก็เช่นเดียวกันกับเลือประเดือน เพราะมันมีหลักการเหมือนกัน"

             ในหนังสือ อัลกุสตุลลานีย์ กล่าวว่า "การร่วมประเวณีในขณะมีประจำเดือนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้าม โดยมติของปวงปราชญ์ ดังนั้นผู้ใดที่เชื่อมั่นว่า การร่วมประเวณีในขณะมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่อนุญาต เขาย่อมเป็นกาเฟร"

---------------------------
ความเห็นของอุลามะ

ได้ถูกรายงานว่า มีชายและหญิงคู่หนึ่ง ได้ขัดแย้งกันเกี่ยวกับบุตรชายของทั้งสองที่มีผิวดำ ฝ่ายหญิงกล่าวว่า เขาคือบุตรของท่าน แต่ฝ่ายชายให้การปฏิเสธ ดังนั้นท่านนบีสุไลมาน อะลัยฮิสลาม กล่าวว่า ทั้งสองได้ร่วมหลับนอนในขณะมีประจำเดือนหรือไม่? ฝ่ายชายกล่าวว่า ครับ ท่านนบีสุไลมานจึงกล่าว บุตรคนนี้เป็นของท่าน และแท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงทำให้ใบหน้าของเขาดำเพื่อลงโทษท่านทั้งสอง ซึ่งกล่าวกันว่า มันคือจุดมุ่งหมายของคำตรัสของอัลเลาะฮ์ ที่ว่า "แล้วเราได้ให้ความเข้าใจใน (หลักการตัดสิน) นั้น แก่สุไลมาน" อัลอัมบิยาอฺ 87 และกล่าวสิ่งเหล่านี้ไว้ในหนังสือกุชฟุลอิสร๊อร

ท่านอัฏฏ๊อบรีนีย์ ได้รายงานไว้ในหนังสือ อัลเอาซัฏ จากอบูฮุร๊อยเราะฮ์ โดยอ้างถึงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า "ผู้ใดที่ร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขา โดยที่นางมีประจำเดือน ดังนั้นใด้ถูกกำหนดให้มีบุตรระหว่างทั้งสอง แล้วบุตรของเขาก็ประสบโรคเรื้อน ดังนั้นเขาอย่าตำหนิ(ผู้ใดเลย)นอกจากตัวเขาเอง" หมายถึง เพราะเป็นสาเหตุจากเขาเองในสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรของเขานั้น และเขาอย่าไปตำหนิอัลเลาะฮื เพราะเพราะพระองค์ได้เตือนให้ระวังแล้ว

ท่านอิมามอัลฆอซาลีย์ กล่าวว่า "การร่วมหลับนอนในขณะที่มีประเดือนหรือมีเลือดหลังจากการคลอดบุตรนั้น ทำให้เกิดโรคเรื้อนแก่เด็ก ท่านอิมามอะห์มัด และคนอื่น ๆ ได้รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ โดยยกอ้างไปยังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยวะซัลลัม ว่า "ผู้ใดที่ไปหาหมอดู แล้วเขาก็เชื่อในสิ่งที่หมอดูพูด หรือร่วมหลับนอนกับผู้มีประจำเดือน หรือร่วมประเวณีกับภรรยาทางทวารหนัก แท้จริงเขาได้หลุดพ้นจากสิ่งที่ถูกประทานลงมาให้แก่มุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" หมายถึง หากเขาเชื่อว่าดังกล่าวเป็นสิ่งที่อนุมัติ หรือท่านนบีต้องการที่จะพูดหักห้ามหรือเตือนให้ระวัง หะดิษนี้ไม่ใช่มีจุดมุ่งหมายถึงการกุฟุรจริงๆ หากไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ไม่ใช้ให้ผู้ร่วมหลับนอนกับผู้มีประจำเดือนทำการเสียค่าปรับ(กัฟฟาเราะฮ์) ตามที่ท่านอัลมุนาวีย์ได้กล่าวไว้ ดังนั้น ในหะดิษของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์ ซึ่งรายงานจากท่านอิบนุอับบาส โดยยกอ้างถึงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "ผู้ใดที่ร่วมหลับนอนกับภรรยาในขณะมีประจำเดือน ดังนั้น เขาก็จงบริจาคทานเหรียญทองหนึ่งดีนาร และผู้ใดที่ร่วมหลับนอนกับภรรยา (ขณะมีประจำเดือนแต่) เลือดประจำเดือนได้ผ่านพ้นจากนางพอดี ก็ให้เขาบริจาคครึ่งของเหรียญทองดีนาร"
คำว่า "เขาจงบริจาคทาน" นั้น บางทัศนะกล่าวว่า เป็นวายิบ และบางทัศนะกล่าวว่า เป็นสุนัต และเช่นเดียวกันนี้ คือห้ามการร่วมหลับนอน หากเวลาละหมาดกระชั้นชิด โดยที่ว่า หากเขาทำการร่วมหลับนอน และทำการอาบน้ำ เขาก็จะไม่ได้เวลาละหมาด ดังนั้น หากเขาได้กระทำ เขาก็จงเตาบะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา
-----------------------------
ที่มาอ้างจาก 
http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=515.135


เพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์
สำนักข่าวมุสลิมไทย เพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์  - เพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ (เพศสัมพันธ์ น่ารู้)
เรียบเรียง: ทีมงานมุสลิมไทย

แหล่งข้อมูล: www.mureed.com , Health Today


คำถาม: เพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ ภรรยาท้องกำลังตั้งท้องอยู่ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม ผิดหลักศาสนาหรือเปล่า

คำตอบ เรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา ขณะที่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เป็นที่อนุญาตให้กระทำได้ เพราะไม่มีข้อห้ามว่าด้วยเรื่องการมีเพศสัมพันธ์
อนึ่ง นักวิชาการมีข้อเสนอแนะว่า ช่วงแรกๆ ของการตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และช่วงที่นางมีขนาดท้องใหญ่ขึ้น ก็ให้ระวังในเรื่องท่าทางในการร่วมเพศ

ตอบโดย อ.มุรีด ทิมะเสน

ข้อมูลจาก Health Today
ในชีวิตคู่และธรรมชาติของคนเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญที่มนุษย์ถวิลหา และเมื่อถึงเวลาที่ภรรยาตั้งครรภ์มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง แต่จะทำอย่างไรดีเล่าในเมื่อความต้องการตามธรรมชาติยังคงมีอยู่...
เพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์

ตลอด 9 เดือนที่ผู้หญิงท้อง ระหว่างนั้นเป็นช่วงที่สรีระร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว ดังนั้น 9 เดือนที่ตั้งครรภ์ คู่ชีวิตมักมีคำถามมากมายตามมา...เช่นสมควรมีเพศสัมพันธ์กันได้หรือไม่ ถ้ามีได้สามารถมีได้ถึงอายุครรภ์เท่าไร การมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลูกเจ็บหรือไม่ มันยังจำเป็นไหมที่สามีจะต้องสวมถุงยางอนามัย มันเป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่ที่ตั้งครรภ์แล้วทำให้ความสนใจทางเพศลดน้อยลงไป ????

จริงๆ แล้วไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเมื่อตั้งครรภ์แล้วห้ามมีเพศสัมพันธ์ !!
คือยังสามารถมีได้จนกว่าคุณและคู้ของคุณจะรู้เองว่ายังไหวกันอยู่หรือไม่...
อย่างไรก็ตามคุณก็ควรรักษาทัศนคติที่ดีในการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเอาไว้ก่อน แม้ว่าคุณจะตั้งครรภ์แล้ว เพราะถึงแม้วาการตั้งครรภ์แล้วการปฏิสนธิจะไม่เกิดอีก แต่คุณอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของตัวคุณเองและคู่ชีวิตและลูกของคุณเอง จงพึงระวังให้มาก

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่รูปร่างทางกายภาพของคุณเปลี่ยนไปพร้อมๆ กับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเพราะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน คุณอาจรู้สึกเครียด สับสน ซึมเศร้า อาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เมื่อคุณเข้าใจแล้วควรจะเล่าให้คู่ของคุณเข้าใจด้วยว่าวันนี้คุณอารมณ์ไหน เพราะอะไร ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น การที่คุณจะมีปฏิบัติการทางเพศอย่างเหมาะสม ซึ่งก็มีข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์และสำคัญต่อสุขภาพครรภ์ของคุณมาบอกกัน หากว่าคุณจะมีเพศสัมพันธ์

จำไว้เลยว่าความปรารถนาทางเพศของคุณ รวมทั้งคู่ของคุณอาจเปลี่ยนไประหว่างที่คุณตั้งครรภ์ ด้วยจาก รูปร่าง อารมณ์ ความสะดวกของท่าทางต่างๆ ดังนั้นจึงควรศึกษาความคาดหวังซึ่งกันและกันในเรื่องนี้กันให้ดีก่อน เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาขณะปฏิบัติการ

อย่าฝืนใจตัวเอง แต่ควรบอกสามีคุณดีๆ  (เพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์) ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่ต้องการหรือไม่มีอารมณ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ที่คุณอาจมีอาการแพ้ท้องคลื่นไส้ อาเจียน และอ่อนเพลีย และความต้องการทางเพศลดลง แต่ผู้หญิงบางคนก็จะมีความต้องการทางเพศเพิ่มมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของระยะตั้งครรภ์ช่วงประมาณเดือนที่ 4-6 ซึ่งจะทำให้รู้สึกดีขึ้นเพราะอาการแพ้ท้องจะลดลง อาจเป็นช่วงที่ดีของบางคนเพราะมีน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดมากขึ้น และไวต่อความรู้สึกมากขึ้น แต่ด้วยสรีระร่างกายที่เปลี่ยนไปความใหญ่โตของครรภ์อาจจะเป็นอุปสรรคของการปฏิบัติการพอสมควรนับจากระยะนี้

หากว่าคุณยังมีความสามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ ก็อาจจะต้องมีการปรับท่าทางบ้าง เพราะนอกจากครรภ์ที่ใหญ่ขึ้นแล้ว เต้านมของคุณก็อาจจะไวต่อความรู้สึก เจ็บปวดคัดตึงมากขึ้นกว่าปกติเมื่อถูกสัมผัส โดยเฉพาะในช่วงครรภ์ 3 เดือนแรก และแน่นอนที่สุดคุณต้องบอกเรื่องนี้ให้กับสามีของคุณทราบด้วย

เป็นการดีที่คุณ และสามีจะปรึกษากับแพทย์ถึงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งแพทย์จะมีคำแนะนำดีๆ ให้คุณปฏิบัติตัน และพึงระวัง เพราะบางสภาพอาการของหญิงตั้งครรภ์ไม่เหมาะที่จะมีเพศสัมพันธ์ แต่ควรระวังดูแลครรภ์ให้แข็งแรงปลอดภัยมากกว่า อาการต่างๆ ที่ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ ได้แก่

-มีเนื้องอกมดลูก
-เคยมีประวัติการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด
-มีเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-ถุงน้ำคร่ำแตก
-รกขวางหรือค้ำอยู่เหนือคอมดลูก
-เคยแท้งบุตร(โดยธรรมชาติ)มาก่อน
-มีสัญญาณอันตรายเตือนว่ามีโอกาสแท้งบุตร
เพราะความผิดปกติของระบบภายในของคุณเมื่อมีเพสสัมพันธ์อาจทำให้มดลูกบีบตัวอย่างแรงจนทำให้แท้งได้

สิ่งที่เป็นข้อห้ามระหว่างที่คุณตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์ คือ ห้ามใช้อุปกรณ์ใดๆ ที่แปลกปลอม โดยเฉพาะที่สั่นได้เข้าสอดเข้าไปในช่องคลอด เพราะมันอาจจะไปกระทบกระเทือนทำความเสียหายกับถุงน้ำคร่ำที่ห่อหุ้มทารกไว้จนได้รับอันตรายได้

อย่าลืมว่าการบอกความรู้สึกซึ่งกันและกันของคุณสองคนขณะมีปฏิบัติการก็เป็นเรื่องพึงกระทำเพื่อให้ได้รู้จังหวะ ไปด้วยกันอย่างสวยงาม

ที่แน่ๆ อย่ามองข้ามหรือละเลย "มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยต้องปกป้องทุกครั้ง" เพราะมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกหลายชนิดที่ไม่รีรอขอเกาะอาศัยและขยายเผ่าพันธุ์ทันทีที่คุณเผลอ หรือลืมป้องกัน เช่น โรคเริม ซิฟิลิส เอดส์ โกโนเรีย ไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น หรือแม้ว่าคุณหรือคู่ของคุณมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่เดิมคุณก็จำเป็นต้องรีบรักษาให้หายขาดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากความสุขสุขภาพดีของของคุณสองคนแล้ว ความปลอดภัยของทารกในครรภ์คือสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเหนือสิ่งอื่นใด

หากว่าคุณเรียนรู้ให้ถ่องแท้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ดังกล่าวแล้ว พร้อมใจหันหน้าปรึกษาและพูดคุยกันถึงเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ก่อนมีเพศสัมพันธ์ การร่วมกันปรับเปลี่ยนหาเทคนิค ท่าทางต่างๆ ที่เหมาะสม ทะนุถนอมระมัดระวังเป็นพิเศษ ก็น่าจะทำให้คุณยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ได้อย่างมีความสุข ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ คู่สามีภรรยาได้ใกล้ชิดเข้าใจกันมากขึ้นอีกด้วย


ค่ัดลอกจาก



[ คัดลอก จากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 22 ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2541 ] 

ตำนานยาบำรุงกาม 
กองบก.ใกล้หมอ 



อันที่จริงเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิง ควรมีพื้นฐานตั้งอยู่บนความสุข และความพอใจ ของทั้งสองฝ่าย โดยมีรากฐานตั้งอยู่บนความรัก ความเข้าใจกัน แต่ผู้ชายทั่วโลกจำนวนหนึ่งยึดหลักผิด ๆ ขอให้ตัวเองมีความพอใจจากเพศสัมพันธ์อยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่สนใจประเด็นความรัก จึงไม่แปลกใจที่ ในสมัยหนึ่งหรือแม้ในสมัยนี้ การมีเพศสัมพันธ์กับหญิงบริการหรือชายบริการ (ในกรณีที่เป็นฝ่ายหญิงที่หาความสุขฝ่ายเดียว) เป็นเรื่องที่ทำกันเกร่อ จนนักจิตวิทยา ถือเป็นความผิดปกติในด้านการสร้างความสัมพันธ์ 

มีตำรามากมายที่กล่าวถึงเรื่องเพศหรือพลังทางเพศว่า ถ้าหากร่างกายสมบูรณ์ดี ก็น่าจะมีกิจกรรมทางเพศได้ตามสมควร และเป็นที่พอใจแทนที่จะพึ่งพาสารกระตุ้นทางเพศ หรือยาสมุนไพรทั้งหลาย ซึ่งไม่น่าจะส่งผลถาวร 

คนที่เป็นโรคหรือความผิดปกติของร่างกายหลายอย่างอาทิเช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ ล้วนมีโอกาสทำให้ประสิทธิภาพด้านเพศลดลงได้มาก จึงต้องแก้ไขโดยการรักษาโรคที่เป็นอยู่ให้หาย หรือทุเลาเสียก่อน 

มีตำนานที่เล่าขานกันมาแต่โบราณ จริงบ้างไม่จริงบ้าง อย่างเช่น ทัศนะแนวแม็คโคไบโอติค บอกว่า อวัยวะเพศไม่แข็งตัวมีสาเหตุจากการรับประทานอาหารประเภทหยินมาเกินไป ทำให้ร่างกาย ไม่สามารถผลิตตัวอสุจิได้มากพอ แล้วยังทำให้กล้ามเนื้อรอบ ๆ กระเพาะปัสสาวะหลวมหรือขยายตัว ส่งผลให้สูญเสียพลังในการเกร็ง หรือสร้างการหดตัวตามธรรมชาติ ปกติเพื่อการหลั่งน้ำกาม รวมทั้งทำให้มีของเหลวหรือน้ำมาสั่งสมอยู่รอบ ๆ และภายในอัณฑะ 

อาหารหยินที่ว่านี้มีอาทิเช่น น้ำตาล ไอศกรีม ขนมหวาน ช็อกโกแลต รวมทั้งผลไม้เมืองร้อน รสจัดทั้งหลาย จึงเกิดการแก้โดยการรับประทานอาหารหยาง เช่น ผักชนิดมีรากอย่างแครอต เป็นต้น 

แต่ตำรับแม็คโคไบโอติคมีคำคัดค้านเพราะ บางตำราก็บอกว่าช็อกโกแลตจริง ๆ แล้ว เป็นอาหารเพิ่มพลังเพศ ในลักษณะกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศ ข้าวโอ๊ตก็มีผู้บอกว่า ช่วยกระตุ้นพลังเพศได้ จัดเป็นคำเล่าลือที่ไม่มีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ 

สมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดจากเม็กซิโกชื่อ ดาเมียน่า (DAMIANA) ก็ว่ากันว่าช่วยเพิ่มพลังเพศ จนจำหน่ายกันครึกโครมในประเทศเม็กซิโกทั้งในรูปเป็นใบชามาชงดื่มหรือผสมสุรา 

สารกระตุ้นที่มีชื่อเสียง ในการกระตุ้นพลังทางเพศอีกตัวหนึ่งคือ แมลงวันสเปน (Spanish fly) 
ซึ่งจริง ๆ แล้วหน้าตาไม่เหมือนแมลงวันแต่คล้ายแมลงทับเสียมากกว่า ตัวเป็นสีเขียวมรกต ขนาดใหญ่กว่าแมลงวันสีดำที่เราคุ้น ๆ อยู่ บ้างก็ว่าได้ผลดีจริง บ้างก็ว่าไม่มีประสิทธิภาพอะไรหรอก 

ทัศนะของเต๋า ถือเรื่องเพศเป็นเรื่องจริงจังมาก โดยเตือนว่าการรับประทานยาเพิ่มพลังเพศ อาจจะบั่นทอนสุขภาพด้านอื่นได้ และคนที่มีระบบไหลเวียนของเลือดหรือตับไม่ดีแล้ว จะใช้ยาบำรุงเพศไม่ได้ผล 

นายแดเนียล ไรด์ ชาวอเมริกันที่ไปเรียนการแพทย์แผนโบราณของจีนอยู่ที่ไต้หวันบอกว่า ช็อกโกแลตเป็นยาโป๊ ที่หาซื้อง่ายที่สุด และมีสารเคมีเฟเนเลธิลลอลามิน (PHENELETHYLALAMINE) อันเป็นสารที่สมองผลิตขึ้นมาเวลาคนเรามีความรัก หรือตกอยู่ในอารมณ์รัก จนมีเรื่องเล่ากันว่าในราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ของฝรั่งเศส มีการใช้ช็อกโกแลต เป็นสารกระตุ้นทางเพศกันอยู่เนือง ๆ 

ยาบำรุงกามสำหรับคนยาก เห็นจะเป็นกระเทียมพริกไทย ซึ่งได้มาจากตำนานจีน พร้อมกับมีข้อสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันว่า 
-กระเทียมมีสาร "อลิอิน" (ALIIN) ซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้น 
-ส่วนพริกไทยมีสาร "ไมริสทิน" (MYRYSTIN) ซึ่งกระตุ้นทางเพศหนักเข้าไปอีก 
แดเนียลไรด์บอกว่าวิธีพิสูจน์คือ ลองบริโภคกระเทียมพริกไทยมาก ๆ ทุกวัน สักพักหนึ่ง 
แล้วลองหยุดดูสัก 1-2 สัปดาห์ เปรียบเทียบดูเองระหว่างที่บริโภคอยู่กับตอนเลิกบริโภคนั้น ประสิทธิภาพบนเตียงนอนต่างกันทันตาเห็นหรือเปล่า 

หอยนางรมก็ว่ากันว่า เสริมสมรรถภาพทางเพศ เนื้อหอยจะมีธาตุสังกะสีมาก รวมทั้งเอนไซม์และฮอร์โมนต่าง ๆ แต่การรับประทานดิบ ๆ ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัยนัก เนื่องจากหมู่นี้มีเชื้อโรคและพยาธิตลอดจนไวรัสเอ ปนเปื้อนมาก 

เม็ดฟักทองดิบ ก็ว่ากันว่าช่วยรักษาพลังเพศและส่งเสริมการผลิตฮอร์โมนของต่อมลูกหมาก ถ้ารับประทานวันละครึ่งขีด (50 กรัม) จะบำรุงต่อมลูกหมากให้ทำงานดีในวัยชรา และยังอาจช่วยป้องกันมะเร็งของต่อมลูกหมากอีกด้วย เพราะเม็ดฟักทองมีกรดไขมัน ชนิดไม่อิ่มตัวอยู่มาก อีกทั้งมีธาตุเหล็กและโปรตีนชนิดย่อยง่ายอีกถึง 30% คอยช่วยลดการบวม และการทำงานผิดปกติ ของต่อมลูกหมากที่โตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

อาหารพื้น ๆ ที่มีคุณสมบัติเป็นยาโป๊ได้แก่ อบเชย น้ำที่คั้นจากแครอต หัวบีท แตงกวา กล้วย ซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุโปแตสเซียม โปรตีนทริบโตแพน และสารอาหารที่ช่วยบำรุงประสาท และส่งเสริมการผลิตฮอร์โมนเพศ 

ผักขมดิบ กุ้งดิบ หรือไข่ลวกไม่สุกมาก สาหร่าย ขิง เมล็ดขึ้นฉ่าย กระเทียมดิบ ไข่แดงดิบ องุ่นดำ เชอรี่สีดำ ก็อยู่ในข่ายบำรุงเพศ เช่นเดียวกับน้ำมันจากรำข้าวสาลี ซึ่งมีวิตามินอีสูง เลทซีทิน (LECETHIN) ปกติเป็นส่วนประกอบอยู่ในตัวอสุจิ ทำให้เชื่อว่า อาจเสริมพลังทางเพศได้ เกสรผึ้ง หรือมีพอลเลนก็อยู่ในข่าย 

ทางฝรั่งเองก็เชื่อในเรื่องของผลิตผล หรือชิ้นส่วนจากสัตว์ เช่น ม้าน้ำผง หางกวาง ในขณะที่ชาวจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี เชื่อกันเรื่องโสม อุ้งตีนหมี อวัยวะเพศของเสือและช้าง นอแรด 


ที่ประเทศจีนมีตำนานเล่าขานเรื่อง การแสวงหายากระตุ้นพลังเพศมาหลายพันปีแล้ว จักรพรรดิ์สมัยก่อน ไม่เพียงแต่จะปกครองประเทศเท่านั้น แต่ยังต้องแสวงหาพลัง มาบำรุงบำเรอแม่อีหนูนับร้อยชีวิตเลี้ยงดูไว้ ใครที่มีนางบำเรอเป็นร้อย ก็เห็นจะต้องหาทางทำให้ตัวเองประกอบกามกิจบนเตียงนอน ได้อย่างน้อยวันละครั้ง ไม่อย่างนั้นคงต้องรอคิวกันแย่ 

นึกแล้วก็เสียดายที่คนโบราณ แสวงหายากระตุ้นเพศที่สิ้นเปลืองและทำลายล้างเผ่าพันธุ์สัตว์ไปหน่อย อย่างหมีตัวหนึ่งราคาคงไม่หนี 100,000 บาท ยังดีที่ว่าลึงค์เสือถูกลงมาหน่อย ว่ากันว่ากิโลกรัมละ 1,000 บาท ส่วนม้าน้ำสดตกกิโลกรัมละ 1,200-1,300 บาท 

เนื่องจากเมืองไทย เคยเป็นตลาดจัดหาสัตว์ป่าเหล่านี้ จึงปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น เดินทางมาหาทางเสพอวัยวะของสัตว์ที่มีภาพลักษณ์ของความแข็งแรง เช่น เสือ หมี ด้วยความคิดว่า กินสัตว์แข็งแรงแล้ว ตัวเองจะแข็งแรงไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังทางเพศ หารู้ไม่ว่าสัตว์ที่ว่าน่ายำเกรงอย่างเสือนั้น เล่นบทพิศวาสไม่เป็นเอาเลย ในยามจะสืบพันธุ์ ก็ไม่มีการโอโลมกันละ ถึงเวลาก็ขึ้นคร่อม แล้วเสร็จกิจภายในไม่กี่วินาที แล้วอย่างนี้จะไปเอาอย่างได้หรือ 

โสมเสียอีก มีแววกว่าเนื้อสัตว์ในแง่ ของการบำรุงสมรรถภาพทางเพศ เช่นเดียวกับกระเทียมที่กล่าวมาแล้ว


credit
http://manman.is.in.th/?md=content&ma=show&id=110

ความคิดเห็น