ตามหลักการอิสลามนั้นไม่มีเรื่องของภูตผีหรือวิญญาณหรือมีเป็นเช่นไร

ตามหลักการอิสลามนั้นไม่มีเรื่องของภูตผีหรือวิญญาณหรือมีเป็นเช่นไร



ผีในอิสลามเป็นเช่นไร
                                                 Assalamu alaikum - Peace be upon you

       ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่านทั้งหลาย ตามหลักการอิสลามนั้นไม่มีเรื่องของภูตผีหรือวิญญาณ และเจ้าที่ค่ะ แต่..อิสลามเชื่อในเรื่องของ ญิน และ ชัยฏอน ส่วนมุสลิมจะไม่เรียกญินหรือชัยฏอนว่าเป็นพวกภูตผีปีศาจ....

        ตามหลักการอิสลามนั้นไม่มีเรื่องของภูตผีหรือวิญญาณค่ะ เมื่อตายแล้ว วิญญาณออกจากร่าง จะถูกเก็บเอาไว้ที่   โลกอะลัมบัรฺซัค  คือโลกที่อยู่ระหว่างโลกดุนยา(โลก ปัจจุบัน) กับโลกอาคิเราะฮฺ (โลกแห่งการพิพากษา) ซึ่งเป็นโลกที่เก็บวิญญาณของบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง ส่วนโลกอะลัมบัรฺซัคนั้นไม่ถูกระบุว่ามีลักษณะอย่างไร? อยู่ที่ไหน?

       สภาพภายในโลกอะลัมบัรฺซัคเป็นเช่นไร? นั้นไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะไม่มีหลักฐานจากอัลกุรฺอาน หรือหะดีษที่กล่าวถึงสิ่งข้างต้น อัลลอฮุอะลัม (พระเจ้าผู้ทรงรู้ทุกอย่างยิ่ง) กล่าวคือเป็นเรื่องสิ่งพ้นญาณวิสัยที่มนุษย์จะจิตนาการขึ้นเองได้ เราจะรู้ได้ต่อเมื่อ อัล-กุรฺอานระบุไว้ หรือท่านรอซูล กล่าวเอาไว้เท่านั้นนั่นเอง

        แต่ที่เห็นเล่านั้น คือมารร้าย ชื่อว่า  ญิน และ ชัยฏอน เป็นผู้ที่ไม่เคารพเชื่อฝั่งคำสั่งของพระเจ้า และต้องการล่อลวง บรรดาลูกหลานอาดัมให้หลุดจากแนวทางของศาสนา ไม่ว่าจะเรื่อง ยุยงเรื่องความโกรธ ขาดความอดทน เมื่อโกรธเขาจะมายุให้เราเอาคืนแล้วทะเลาะกัน กระซิบกระซาบในหัวใจให้ออกห่าง ล่อลวงบรรดาผู้คนที่ศรัทธาอ่อนแอ แต่สิ่งที่เหล่านี้กลัว คือบรรดามุมินฮฺ  (บรรดาผู้ศรัทธาและปฎิบัติตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง) ญินและชัยฏอนเขามีการคงอยู่ แค่วันสิ้นโลกเท่านั้น

         ดังนั้นญินและชัยฏอนจะพยายามทุกวิถีทางให้มนุษย์หลงตามมัน โดย 1 ในวิธีการนั้น คือ ออกมากลั่นแกล้งแปลงร่าง ต่างๆให้คนหวาดกลัว จนความศรัทธาสั่นคลอน แล้วหันไปพึ่งพิงของศักดิ์สิทธิ ที่ไม่มีอยู่ในหลักการอิสลาม เพื่อที่คนเหล่านั้นจะได้ไปพึ่งสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้า ทั้ง ญิน และ ชัยฎอนนี้ ไม่สามารถมีฤทธิ์และอำนาจ ฆ่ามนุษย์ได้ มีที่อยู่อาศัยบริเวณที่รกร้าง ซากปรักหักพัง สถานที่สกปรกต่างๆ บริเวณที่โล่ ตามป่าเขา รวมถึงห้องน้ำ และสถานที่ ที่มีรูปปั้นทั้งหลาย

        ดังนั้น มุสลิมจะมีวิธีป้องกันเหล่ามารร้ายอยู่แล้วด้วยการขอความคุ้มครองต่อพระเจ้า ให้พ้นจากชัยฏอนมารร้าย ก่อนทุกครั้งไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ไม่ว่าจะก่อนนอน ก่อนทานข้าว หรือเข้าไปในสถานที่ต่างๆค่ะก่อนเข้าบ้าน /ปิดบ้าน ฯลฯ วิธีป้องกันญินและชัยฏอน คร่าวๆสั้นๆไม่ยากเลย

         1. เวลามักริบให้รีบเข้าบ้านเพราะญินและชัยฏอนจะออกมาแยะลักษณะคล้ายฝูงค้างคาวออกจากถ้ำ

        2. ปิดประตูหน้าต่างให้กล่าวบิสมิลลา ฮิรฺเราะฮฺมานิรเราะฮีม คำแปล :  “ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอ” ประตูหน้าต่างบานใด กล่าวพระนามของฮัลลอฺฮฺ ทั้งญินและชัยฏอน จะเข้าประตูหน้าต่างบานนั้นไม่ได้

        3. เวลาปิดถุง หม้อข้าว หม้อทุกชนิด ถุงของกินทุกอย่างให้กล่าวบิสมิลลา ฮิรฺเราะฮฺมานิรเราะฮีม เช่นกัน เพราะยามดึก ญิณและชัยฏอน จะหากิน อาหารของเขาคือ กระดูกและถ่าน หากเราปัสสาวะรด กระดูก หรือเหยียบเศษอาหาร บรรดาชัยฏอรเหล่านั้นจะมาทำร้ายเรา เพราะไปทำลายอาหารเขา

        4. ก่อนเข้าบ้านให้กล่าวบิสมิลลา ฮิรฺเราะฮฺมานิรเราะฮีม

        5. ที่รกร้าง บ้านร้างเก่าๆ ป่าเขา ซากปรักหักพังต่างๆ นั่นเป็นที่อยู่ของเขา โค้ง 100 ศพ มีศาลตั้ง ขับรถไม่ต้องบีบแตรนะคะ ไม่ใช่ศาสนาของเรา แต่กล่าว อะอูซุ บิลลาฮิ มินัช-ชัยฏอนิร-เราะญีม. คำแปล : ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ให้พ้นจากมารที่ถูกสาปแช่ง  แทน.. ญิณและชัยฏอนมารร้ายที่อาศัยอยู่ จะกระเจิงไปเอง ไม่งั้นจะมาให้เห็นเป็นรูปต่างๆให้เราหวั่นไหว อีหม่านสั่นคลอน...แล้วจะมาบ่นว่าเห็นผีอีก...

        6. ห้องนอน ที่นอน ในบ้านอย่ามีมากมาย เหลือใช้เกินความจำเป็น เช่น ห้องนอน ที่นอน หากมีแยะ มันก็จะเป็นที่อยู่ของชัยฏอนเช่นกัน เช่นมี ห้องนอน 6 ห้อง ใช้จริงๆ แค่ 3 ห้อง อีก 3 ห้อง นั่นแหละ สวรรค์ของพวกนี้เลย หากแต่ ใช้ 3 เผื่อไว้อีก 1 ไว้ใช้ยามญาติมาเยี่ยมเยียน นั่นน่ะได้ ที่นอน มี 6 ใช้ 3 อีก 3 ก็ เป็นที่นอนของมัน อยู่แบบพอเพียง ดีกว่าอยู่แบบอลังการณ์งานสร้าง...สร้างไว้เผื่อมารร้าย...

        7. รูปทุกชนิด ที่อยู่ในบ้าน หรือข้าวของเครื่องใช้ สิ่งใดเป็นรูปของสิ่งมีชีวิตให้เอาออก หรือเก็บลงแฟ้ม ถ้ายังมีอยู่ตอนดึก ยามค่ำคืน จะออกมา ปาร์ตี้กันเต็มบ้านเลย.. เสียง ก่อกแกร่กๆ นั่นและเขากำลังมา

       8. เมื่อจะมีการหลับนอนกับสามีภรรยา ให้กล่าวดุอาเช่นกัน เพราะชัยฏอนจะไม่มาเป็นวุ่นวายและหากเป็นประสงค์ของพระเจ้า ท่านก็ได้บุตรที่ได้รับความคุ้มครองจาก พระองค์อัลลอฮฺ ซุบบะฮานะฮูวะตะอาลา คำอ่าน : บิสมิลลาฮิ อัลลอฮุมมะ ญันนิบนิชชัยฏอนะ วะญัน นิบิชชัยฏอนะ มาเราะซักตะนา คำแปล : ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ โอ้อัลลอฮฺโปรดทรงให้ชัยฏอนห่างไกลจากฉัน และให้ชัยฏอนห่างไกลจากสิ่ง (บุตร) ที่พระองค์ทรงประทานแก่เรา บันทึกโดย บุคอรี-มุสลิม

       9. ก่อนทานอะไรให้กล่าวบิสมิ้ลลา ไม่เช่นนั้น ชัยฏอนจะทานอาหารกับเราด้วย อยากใจดีเผื่อแผ่มารด้วยเหรอ... ถ้าลืม แล้วนึกออก ให้กล่าว บิสมิลลาฮิ วัลเอาวะลุ วัลอาคิลุ

     10. ควรทานอาหารด้วยมือขวา เพราะมือซ้ายจะเป็นของชัยฏอน เมื่ออาหารตกพื้นให้รีบเก็บขึ้นมา หากไม่เปื้อนหรือโดนสิ่งนะญิส ให้ทำความสะอาดเอาออกบางส่วนก็ทานได้

     11. เมื่อจะเข้าห้องน้ำ และก่อนออกจากห้องน้ำให้กล่าวดุอาอฺ

       12. เมื่อเดินทางไปพักที่พักต่างๆ ให้กล่าวดุอาดังต่อไปนี้
أَعُوْذُبِكَلِمَاتِ اﷲِالتَّامَّاتِ مِنْ شَرِّمَاخَلَقَ
          คำอ่าน : อะอูซุ บิก้าลิมาติ้ลลา ฮิตตามมาติ มินชัรริมา ค่อลักกฺ คำแปล : ฉันขอความคุ้มครองด้วยพจนาถของอัลลอฮฺ ที่สมบูรณ์ ให้พ้นจากความชั่วร้ายของสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา บันทึกโดย มุสลิม

        13. ก่อนนอนให้ขอดุอาอฺ โดยการเป่าที่ฝ่ามือแล้วอ่าน กุล 3 กุล (อันนาส , อัลฟะลัก อัลอิคลาส )จากนั้นลูบให้ทั่วร่างกาย ทำ 3 ครั้ง ก่อนล้มตัวนอนให้กล่าวดุอาอฺว่า "บิสมิกัลลอฮุมมะ อะหฺยา วะอะมูตะ" ความว่า "ด้วยนามของอัลลอฮฺ โอ้อัลลอฮฺพระองค์ทรงทำให้ฉันมีชีวิตและทำให้ฉันเสียชีวิต" กุล 3 กุล (อันนาส , อัลฟะลัก อัลอิคลาส )


http://live.islamweb.net/quran/MeshariAl3affasy/112.rm http://live.islamweb.net/quran/MeshariAl3affasy/113.rm http://live.islamweb.net/quran/MeshariAl3affasy/114.rm

Ps.เพิ่มเติม ให้อ่านอายะฮฺ กุรซีย์ก่อนนอนทุกคืน เพื่อคุ้มครองป้องกันจากความชั่วร้าย ยามค่ำคืน จะเป็นพลทหารจะรักษาการณ์ให้เรา ยามหลับใหล จนถึงรุ่งเช้า อยู่ใน ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 255 หาไม่เจอ ก็ดูตรงนี้จ้ะ
       
  1.    
                      คำอ่าน :         อัลลอฮุ ลาอิลาฮะอิ้ลลา ฮุวั้ลหัยยุ้ลก็อยยูม     ลาต๊ะคุซุฮู สิน่ะตูวฺ วะลาเนามฺ     ละฮูมาฟิสสะมาวาติ วะมา ฟิ้ลอัรฺฎ     มันซั้ลละซี ยัซฟะอุ อินดุฮู อิ้ลลาบิอิซนิฮฺ     ยะอฺ ละมุ มาบัยนะอัยดีฮิม วะมาค้อลฟะฮุม     วะลายุฮีฏูนะบิ ชัยอิน มินอิ้ลมิฮี อิ้ลลาบิมาชาอฺ     วะสิอะกุรซียฺ ยุฮุสสะมาวาติวั้ลอัรฺฎ     วะลายะอูดุฮู หิฟซุฮุมา     วะฮุวั้ล อะลียฺ ยุ้ล อะซีม                     คำแปล :         อัลลอฮฺ (ทรงเป็นเจ้า) ซึ่งไม่มีพระเจ้าใดๆ (อีกแล้ว) นอกจากพระองค์เท่านั้น ทรงเป็นเสมอ ทรงดำรงอยู่ ความง่วงและความหลับไม่ครอบงำพระองค์ พระองค์ทรงสิทธิ์ในสรรพสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน ใครเล่าที่จะให้การสงเคราะห์ (แก่ผู้อื่น) ณ พระองค์ได้ นอกจากจะเป็นไปโดยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่มีอยู่ต่อหน้าพวกเขา และที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และพวกเขาไม่ครอบคลุมความรู้สักเพียงเล็กน้อยของพระองค์ นอกจากในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ (จะให้พวกเขารู้) เท่านั้น เก้าอี้ (คืออำนาจปกครอง) ของพระองค์แผ่ไพศาลทั่วทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการพิทักษ์มันทั้งสองไม่ทำให้พระองค์เหนื่อยยากเลย และพระองค์ทรงสูงส่ง อีกทั้งทรงยิ่งใหญ่                 ดังนั้นไม่ว่าจะผี จะเปรตอิสลามไม่มีผีค่ะ                 ด้วยความเคารพ    วัสลามุอะลัยกุม     annisaa.com     hijab  

    ที่มา  http://www.annisaa.com/forum/index.php?topic=323.0
       

"ชัยตอน" หรือ "ญิน ตำนานผีอิสลาม
      "ชัยตอน" หรือ "ญิน" ญิน เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่มีระบุในอัลกุรอาน ซึ่งมารร้ายอิบลีส มาจากพวกนี้  สิ่งมีชีวิต 4 ประเภท ตามหลักความเชื่อที่มีระบุในอัลกุรอาน อัลลอหฺทรงสร้างสรรพสิ่งสุดจะครณาได้ ทว่าที่เห็นว่ามีชีวิตนั้นมีอยู่สี่อย่างคือ

          ๑. มีปัญญา มีตัณหา มีตัวตน(เป็นเลือดเนื้อและกระดูก) นั่นคือมนุษย์

          ๒. มีปัญญา มีตัณหา ไม่มีตัวตนที่เห็นด้วยตาเปล่า นั่นคือญิน

          ๓. มีปัญญา ไม่มีตัณหา ไม่มีตัวตน นั่นคือมลาอิกะหฺ

          ๔. ไม่มีปัญญา มีตัณหา มีตัวตน นั่นคือสัตว์ มนุษย์นับถือศาสนาตามที่ตนคิดว่าถูกต้อง ขวนขวายหาทางรอดในชีวิตประจำวันเรื่อยไป จนกว่าจะสิ้นชีพ ที่ประเสริฐที่สุดคือมนุษย์ยามใช้ปัญญาประกอบความดี แต่เมื่อใดยึดตัณหาเป็นใหญ่ ประกอบความชั่ว ฝ่าฝืนกฏระเบียบ ก็ไม่จะผิดกับเดรฉาน เนื่องจากมนุษย์มีเลือดเนื้อที่มาจากดิน

           เช่นเดียวกับมนุษย์คนแรกคือ อาดัม จึงผูกพันอยู่กับดินไม่จบสิ้น เสพสุขกับอาหารที่งอกเงยมาจากดิน รักและครอบครองผืนแผ่นดิน สะสมธาติและสารที่มาจากดิน เช่นทองคำและเพชรพลอย เมื่อสิ้นชีพร่างกายของมนุษย์ก็กลายเป็นดินอีกครั้ง และมนุษย์ก็จะผูกพันกับ กาละ และ เทศะ ไม่อาจดิ้นรนให้พ้นไปได้

           ญินที่ถูกสร้างมาจากเพลิงนั้นก็เหมือนกับมนุษย์ คือจะอาศัยอยู่ในโลกนี้ ทว่ามีตัวตนที่เราไม่อาจจะเห็นด้วยตาธรรมดา มีศาสนาและความเชื่อถือแตกต่างกันไป ในอัลกุรอานได้ระบุว่า ญินพวกหนึ่งได้เดินทางมาหาท่านนบีมุฮัมมัดและเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม ทั้งมนุษย์และญินต่างก็หาคำตอบว่า หลังจากดับไปจากโลกนี้แล้ว พวกตนจะไปไหน?

           ส่วนมะลาอิกะห์นั้นเมื่อไม่มีตัณหาก็จะขาดความประสงค์ จึงมีหน้าที่ดูแลระบบฟากฟ้าและโลกตามพระบัญชาของอัลลอหฺโดยไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อถูกสร้างมาจากรัศมี การเคลื่อนไหวก็คงเป็นเช่นแสง เข้าออกและเปลี่ยนที่โดยไม่มีพันธะ หน้าที่ของพวกเขาก็คือการเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ และไร้กังวลต่อการสอบสวนในวันสุดท้่าย ที่ต่ำสุดก็คือสัตว์เดรฉาน ทว่าเป็นพวกที่โชคดีกว่ามนุษย์และญินส่วนมาก เพราะไม่ถูกลงโทษวันปรโลก

            ผีในทัศนะของอิสลาม คำว่า ผี ก็ตรงกับคำว่า ญิน ไม่ได้หมายถึงวิญญาณของผู้ตายอย่างที่คนส่วนใหญ่เชื่อกัน เพราะตามคำสั่งสอนของอิสลาม คนที่ตายไปแล้ว ก็จะถูกนำไปพักรออยู่ในโลกแห่งบัรซัค ไม่สามารถออกมาเพ่นพ่านอย่างที่คนเขาอุปาทานกัน ส่วนการที่บอกกันว่า วิญญาณนายคนนั้น วิญญาณนางคนนี้ มาเข้าทรงเข้าสิง หรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งนั้นพอจะสรุปได้สามอย่างคือ หนึ่ง การที่หมอทรงแกล้งหลอกเพื่อหาเงินใช้ สอง การสะกดจิตตนเองแล้วเสนอข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของสมอง (เป็นการอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์) หรือ สาม การที่ญินเข้าสิงจริงๆ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่บ่อยเท่าข้อแรก


ญิน                                          
            ญินนั้นเป็นมัคโล้กชนิดหนึ่งที่มีชีวิตอยู่จริง ที่มีอยู่ด้วยกันสามกลุ่มหรือสามประเภท ญิน ซัยดอน และอิฟริต ทั้งหมดนั้นมีที่มาจากต้นกำเนิดและรูปลักษณะเดียวกัน ญินเกิดจากธาตุไฟ ซัยดอนเกิดจากไฟซึ่งมันจะมีความแตกต่างในด้านหน้าที่ การต่อสู้ชีวิต ญินเหล่านี้มีความเชื่อถือแตกต่างกัน เช่นเดียวกับมนุษย์เราเหมือนกันและเพราะเหตุนี้ พวกญินเหล่านี้จึงมีรูปแบบของชีวิตเป็นของตัวเองมีการดำเนินชีวิตความรู้ความเข้าใจ และระเบียบวินัยที่แน่นอน

            ซัยฎอนจะเลวร้ายกว่าญินและอิฟรีต เพราะการต่อสู้ชีวิตของพวกมัน ก็คือคอยยุยงให้ชาวโลกให้ประกอบแต่กรรมชั่วอยู่ตลอดเวลา หน้าที่ของมันกระทำเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้แก่บรรดามัคโล้ก ทั้งหลายของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) เท่านั้น

            ซึ่งรูปร่างญินนั้นจะสูงใหญ่กว่าเราหลายเท่า ญินทุกๆกลุ่มเหล่านี้เป็นมัคโล้กที่มีชีวิตและวิญญาณ ซึ่งเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมีชีวิตสืบทอดต่อกันไป ในการเพิ่มพูนจำนวนลูกหลานและพวกเขายังมีกำหนดเวลาของชีวิต ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงกำหนดไว้แล้วเช่นเดียวกับมนุษย์เรา เมื่อกำหนดเวลาของชีวิตได้มาถึง พวกเขาทั้งหมดก็จะต้องตายลง และหลังจากถูกให้ฟื้นคืนชีพมาใหม่พวกเขาก็จะถูกไล่ต้อนไปรวมกัน ณ สถานที่แห่งการสอบสวนและมีการตอบแทนผลกรรมตามการกระทำที่พวกเขาได้เคยประพฤติปฏิบัติกันมาแต่ในอดีต


             แต่ว่ามัคโล้กญินนี้มีกำหนดเวลาของชีวิตยืนยาวมากเพราะองค์ประกอบต่างๆในร่างกายของพวกเขาจะไม่เสียหายหรือพินาศอย่างรวดเร็วเหมือนกับความเสียหายของร่างกายมนุษย์เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ (ซึ่งมันมีปฏิกิริยาต่อสิ่งอื่น) และในโลกของไฟเท่านั้นที่พวกเขาดำเนินชีวิตอยู่ และต่อไปญินเหล่านั้นก็จะต้องตายเช่นเดียวกันกับมนุษย์เราเหมือนกัน เมื่อกำหนดเวลาของชีวิตได้มาถึงพวกเขาพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดล่วงหน้าได้อีกเหมือนกัน                                                  

             ญินนั้นมีทั้งญินอิสลามและญินกาเฟรญินอิสลามนั่น พวกเขามีชีวิตแบบชาวมุสลิมมีทั้งละหมาด และพวกเขาจะพยายามค้นหาและยอมรับความจริง พวกเขาต้องมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกันกับมนุษย์เราเหมือนกัน พวกเขาอาจได้รับกุศลและอาจได้รับการลงโทษก็ได้ส่วนสภาพของญินกาเฟรนั้น เหมือนกับคลื่นทะเลคือไม่สนใจความถูกต้องและไม่ยอมรับความจริงใดๆ ทั้งสิ้นและไม่ยอมรับการชี้แนะไปยังหนแห่งที่ดีงามอีกด้วยเพราะเหตุนั้น จึงฆ่ามันเสีย เพราะความต้องการของมันไม่ใช่เพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อทำอันตราย ล่อลวงมนุษย์ให้หลงทางเท่านั้นต้นกำเนิดของมนุษย์นั้นมาจากดิน

           ดังนั้น วัตถุที่จะช่วยให้มนุษย์ดำลงชีพอยู่ได้นั้นก็จะต้องมีแหล่งกำเนิดจากดินด้วยเช่นกันและญินก็เช่นเดียวกับมนุษย์เราเหมือนกันหลังจากที่ได้เกิดมาแล้วมันก็ต้องการอาหารเพื่อที่มันจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก นั่นก็คือบรรดาอาหารต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันชีวิตมันให้พ้นจากความพินาศ และการสาบสูญ ต้นกำเนิดของญินมาจากธาตุไฟ อาหารของมันก็ต้องมาจากธาตุไฟ เช่น ไอความร้อนหรือกลิ่นหอมต่าง ๆ สิ่งเหล่านั้นคืออาหารที่เหมาะสมกับโครงสร้างทางร่างกายของมัน จึงเป็นเหตุที่ไม่สามารถฆ่าญินให้ตายเหมือนฆ่ามนุษย์ได้แต่สามารถฆ่าณินได้ ในร่างที่มันจำแลงลงมาเช่นเดียวกับฆ่ามนุษย์
                                               
            ญินนั้นเป็นมัคโล้กที่ยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง แต่พวกเรามองไม่เห็น พวกญินนั้นมีชีวิตอยู่ทั่ว ๆ ไปมีความเจริญก้าวหน้ามีการปกครอง และการดำเนินชีวิตเหมาะสมกับธรรมชาติของมัน พวกญินเหล่านั้นมีภาระกำลัง ตามสถานภาพเดิมของสิ่งที่ถูกใช้สร้างพวกมัน มันพร้อมที่จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เหมาะสมกับอำนาจอันจำกัดของมัน ซึ่งอยู่เหนืออำนาจของมนุษย์อย่างมากมาย แต่ถ้าว่าพวกมันไม่สามารถม้วนแผ่นดินได้และไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ในพริบตาเดียว

           การดำเนินงานของพวกมันเพียงอาศัยกำลังของลมเท่านั้น มันก็สามารถได้รับวัตถุประสงค์ของมันตามต้องการนอกจากนั้นมันก็มีพลังและอำนาจตามปรกติศาสนทูตจากมนุษย์ที่ถูกส่งไปยังพวกญินนั้น มีความเข้าใจในภาษาของญิน มิหนำซ้ำพวกญินเหล่านั้นก็เข้าใจในภาษาของศาสนทูต ผู้นั้นเหมือนกันเรื่องอย่างนี้ถูกพบอยู่บ่อย ๆ ในความเป็นศาสนทูตของท่านบีมุอัมหมัด (ซ.ล.) มัคโล้กญินและมนุษย์นั้น พวกเขามีการแต่งงานกันและมีชีวิตที่มีการสืบทอดกันตามประเภทหรือเผ่าพันธุ์ของพวกเขาหรือเทือกเถาเหล่ากอของจากผู้ที่เป็นหมันอย่างนี้ทุกวัน                              

เล่าโดย    
นางนุจรี ลุมพะ ผู้เล่า
มลาอิก๊ะฮฺและญินในโลกนี้
บทความโดย ฟัตฮุลลอฮฺ กูเลน
แปลและเรียบเรียงโดย อาจารย์บรรจง บินกาซัน  ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
               มลาอิก๊ะฮฺและญินสามารถปรากฏกายในรูปแบบและรูปร่างต่างๆได้ในโลกของเรา ในโลกนี้ เราคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่มองเห็นไปสู่สิ่งที่มองไม่เห็นกันบ้างแล้ว เช่น น้ำระเหยกลายเป็นไอและหายไปในบรรยากาศ ของแข็งกลายเป็นของเหลวหรือก๊าซและวัตถุกลายเป็นพลังงาน (เช่นการแตกตัวของนิวเคลียร์) เป็นต้น

          ในทำนองเดียวกัน เราก็สามารถเห็นการเคลื่อนไหวจากสิ่งที่มองไม่เห็นมาเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ เช่น ก๊าซกลายเป็นของเหลว น้ำระเหยกลายเป็นฝน (เช่นเดียวกับหิมะหรือลูกเห็บ)และพลังงานกลายเป็นสสาร เป็นต้น เช่นเดียวกัน ความคิดและความตั้งใจที่จับต้องมองเห็นไม่ได้ในจิตใจของเราก็สามารถปรากฏเป็นรูปธรรมได้ในรูปของจดหมาย บทความและหนังสือ โดยการเปรียบเทียบเช่นนี้ สิ่งที่เรามองไม่เห็นอย่างเช่นมลาอิก๊ะฮฺ ญินและอื่นๆที่มองไม่เห็นก็สามารถปรากฏกายให้มองเห็นได้เช่นกัน

เราได้อ่านพบในคัมภีร์กุรอาน 19:17 ว่าวิญญาณที่อัลลอฮฺได้ส่งมายังนางมัรยัม(แม่ของนบีอีซาหรือพระเยซู) ซึ่งนักวิชาการเรียกว่ามลาอิก๊ะฮฺญิบรีลนั้นได้ปรากฏกายต่อหน้าเธอในรูปของมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อญิบรีลได้มายังนบีมุฮัมมัด บางครั้งก็มาปรากฏกายในรูปของชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าดิฮฺยะฮฺ ตัวอย่างเช่นหลังจากสิ้นสุดสงครามสนามเพลาะ ญิบรีลได้มาหาท่านนบีและบอกว่า ?ท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านถอดเสื้อเกราะของท่านแล้ว แต่เราบรรดามลาอิก๊ะฮฺยังไม่ได้ถอด อัลลอฮฺได้สั่งท่านให้มุ่งหน้าต่อไปยังพวกบนูกุร็อยเซาะฮฺ?
(บันทึกในฮะดีษของบุคอรีและมุสลิม)
ครั้งหนึ่ง ญิบรีลได้ปรากฏกายในรูปของชายคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าสีขาวและได้ถามท่านนบีหลายคำถาม เช่น ความศรัทธาคืออะไร อิสลามคืออะไร และคุณธรรมคืออะไร วันตัดสินจะเกิดขึ้นเมื่อใด ทั้งนี้เพื่อที่จะสั่งสอนบรรดาสาวกของท่าน
เช่นเดียวกับมลาอิก๊ะฮฺและญิน ชัยฏอน(ซึ่งอยู่ในหมู่ญิน)ก็สามารถปรากฏกายในรูปแบบต่างๆได้เช่นกัน มีคำบอกเล่าว่าก่อนสงครามบะดัรฺ ชัยฏอนได้มาปรากฏต่อหน้าผู้นำชาวกุเรชในรูปของชายแก่คนหนึ่งจากแคว้นนัจญ์เพื่อให้คำแนะนำคนพวกนี้
         อีกกรณีหนึ่งก็คือสาวกของท่านนบีที่ดูแลกองคลังซะกาตได้จับชัยฏอนที่จำแลงร่างมาและพยายามที่จะขโมยของบางอย่าง ชัยฏอนได้ขอให้สาวกปล่อยตัวมันและก็ได้รับการปล่อยตัวถึงสองครั้ง แต่เมื่อถูกจับเป็นครั้งที่สาม สาวกได้พยายามที่จะนำมันไปหาท่านนบี แต่ชัยฏอนก็ขอร้องสาวกว่า ?ปล่อยฉันไปเถิดแล้วฉันจะบอกท่านถึงวิธีการที่ท่านจะสามารถเอาตัวรอดจากฉันได้? สาวกจึงได้ถามว่าสิ่งนั้นคืออะไร ชัยฏอนจึงได้ตอบว่า ?อายะฮฺกุรฺซีย์? (กุรอาน 2:255) เมื่อได้ทราบเช่นนั้น ท่านนบีก็ได้กล่าวว่า ?มันเป็นพวกโกหกแต่ในตอนนั้น มันพูดความจริง? (บุคอรี)
       คัมภีร์กุรอานได้เล่าว่าญินกลุ่มหนึ่งได้ฟังท่านนบีอ่านคัมภีร์กุรอาน เมื่อพวกมันกลับไปยังพวกของมัน พวกมันก็กล่าวว่า ?พวกเราทั้งหลาย เราได้ฟังคัมภีร์ที่ถูกประทานมาหลังจากมูซา เป็นการยืนยันสิ่งที่ได้มีมาก่อนนั้นและนำไปสู่สัจธรรมและแนวทางที่เที่ยงตรง? (กุรอาน 46:30)
คัมภีร์กุรอานยังได้กล่าวต่อไปว่าพวกญินได้คิดถึงสิ่งที่พวกมันได้ยินมา บางฮะดีษได้บอกเราว่าท่านนบีได้อ่านข้อความกุรอานตอนหนึ่งเพื่อเผยแพร่ในหมู่พวกญิน  

ความคิดเห็น