มูฮัมหมัด ศ๊อลฯ นบีที่ฉันคิดถึง....

นบี  ที่ฉันคิดถึง...


         โอ้ท่านนบี ...ยามใดที่ฉันหิวโหยหรือพบพี่น้องของฉันกำลังหิวโหย  ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด จะไม่ให้คิดถึงได้อย่างไรเล่า เพราะท่านคือแบบอย่างให้แก่มวลมนุษยชาติ  ในการอดทนต่อความหิวได้ดีที่สุด ครอบครัวของท่านคือครอบครัวที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ  รอฎิยัลลอฮุ อันฮา กล่าวว่า

“ ครอบครัวของนบีมุหัมมัด  ไม่เคยกินอิ่มจากอาหารแป้งสามคืนติดต่อกันเลย นับตั้งแต่ระยะเวลาที่ท่านมาอยู่มะดีนะฮฺจนกระทั่งท่านเสียชีวิต ” 

         มิใช่ท่านและเหล่าสหายของท่านดอกหรือที่เอาก้อนหินมาผูกที่ท้องไว้เพื่อประทังความหิวโหยในวันแห่งการถูกทดสอบ แล้วในสถานการณ์เช่นนั้น ความเป็นวีรบุรุษก็ฉายชัดขึ้นมาอย่างมิต้องสงสัยใดๆ

         โอ้ท่านนบี ...ยามใดที่ฉันหวาดกลัวและกังวลใจต่อเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้น ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด เพราะ

     ท่านมิใช่หรือ ? ในวันที่อยู่กับสหายผู้ยิ่งใหญ่นาม อบูบักร อัศศิดดี๊ก ในถ้ำเล็กๆที่ชื่อว่า ถ้ำษูร ขณะที่กำลังหลบหนีการไล่ล่า หมายเอาชีวิตของเหล่าศัตรู

       ท่านมิใช่หรือ ? ที่ผินหน้าสู่สหายรักของท่าน ด้วยรอยยิ้มเปล่งประกายพลางกล่าวว่า "โอ้สหายแห่งข้า ท่านอย่าได้หวาดวิตกและอย่าได้เศร้าโศกไปเลย  เพราะแท้จริง  อัลลอฮฺทรงอยู่กับเราเสมอ"
         โอ้ท่านนบี ...ในยามที่ฉันรักใครคนใดคนหนึ่งเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด ฉันมิได้รักพวกเขามากกว่าท่าน  ฉันตระหนักดีในเรื่องนี้ดี เพราะท่านได้บอกพวกเราว่า 

“บ่าวคนหนึ่งจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าฉันจะกลายเป็นคนที่เขารักมากกว่าครอบครัวของเขา มากกว่าทรัพย์สินของเขา และมากกว่ามนุษย์ทุกคน  “

ฉันจึงมอบความรักและความคิดถึงแด่ท่านมากกว่าผู้ใด รวมถึงตัวของฉันเอง

          โอ้ท่านนบี ...เมื่อฉันได้รู้จักกับมิตรสหายคนหนึ่ง ฉันรักและคิดถึงเขาในยามที่เราอยู่ไกลกัน    แต่ฉันกลับคิดถึงท่านยิ่งกว่า    เพราะท่านอีกเช่นกันที่บอกว่า 

“ ผู้ศรัทธาที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ จะได้อยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งบัลลังค์ของพระองค์  ในวันซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆ นอกจากร่มเงาของพระองค์ “

และท่านก็คือแบบฉบับที่เยี่ยมยอดที่สุด ในการปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสหายรักของท่าน

          โอ้ท่านนบี ... เมื่อฉันผินหน้ามองไปยังเพื่อนบ้านเหล่านั้น ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด และเด็กๆ พวกนั้นเล่า....  ฉันปรารถนาให้พวกเขาได้รับในสิทธิแห่งความเป็นเพื่อนบ้าน เฉกเช่นกับที่เพื่อนบ้านของท่านได้รับจากท่าน  ตลอดระยะเวลาที่ท่านอยู่กับพวกเขา ก็ท่านได้ กล่าวถึงเพื่อนบ้านว่า

“ ญิบรีลยังคงสั่งเสียแก่ฉัน เกี่ยวกับเพื่อนบ้านจนกระทั่งฉันคิดว่า เพื่อนบ้านจะสามารถรับมรดกของเพื่อนบ้านได้ ”

          โอ้ท่านนบี ...เมื่อฉันต้องเดินทางไกล ระเหเร่ร่อน ตามหาเป้าหมายของชีวิต และเสาะแสวงหาความจริงใจจากผู้คนทั้งหลาย บนหน้าแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ ท่านคือคนที่ฉันคิดถึงเป็นที่สุด เพราะท่านเคยสอนว่า ชีวิตคือการเดินทาง โลกดุนยาคือทางผ่าน  เปรียบเสมือนร่มไม้ให้ที่พักพิงเพียงชั่วครู่เท่านั้น  แล้วการเดินทางสู่เส้นทางอันไกล้โพ้น  ก็จะยังคงต้องดำเนินต่อไป

      และท่านคือแบบอย่างแห่งความเด็ดเดี่ยวที่ฉันมิอาจหาผู้ใดมาเปรียบปานได้  ท่านคือที่สุดของนักเดินทางผู้เดินทางไปสู่ฟากฝั่งของพระองค์ ท่านคือครูของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส  คือครูของอิบนุ บัตฏูเฏาะฮฺ และนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่อีกหลายชีวิต โดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้พบเจอท่าน  ท่านได้เป็นต้นแบบให้พวกเขาในการเดินทางเพื่อพิจารณาถึงการสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า  ชี้ทางให้พวกเขาว่าข่าวดีจะเป็นของผู้ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามท่าน  แต่ก็น่าเสียดายสำหรับบางคนที่แสดงความดื้อรั้นออกมา หลังจากสัจธรรมได้เป็นที่ประจักษ์แล้ว

         โอ้ท่านนบี ... บางครั้งเมื่อฉันเผชิญหน้ากับปัญหาใดๆ   ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด  เพราะท่านคือผู้ที่ให้ความเชื่อมั่นแก่ฉันว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอสำหรับผู้ยำเกรง ขอแค่มีสติและแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด  แน่นอนที่สุดว่าท่านเองก็ผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายมาอย่างมากมาย ท่านผ่านพ้นมาได้พร้อมกับชัยชนะเสมอ ภายใต้การช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ   แล้วฉันจะท้อแท้และหมดหวังไปเพื่ออะไรเล่า ?

          โอ้ท่านนบี ...ยามที่ฉันอยู่คนเดียวในห้องเล็กๆ เมื่อฉันคิดถึงพ่อและแม่ ฉันกลับคิดถึงท่านมากว่า ท่านคือคนที่ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า มีอาชีพเสี้ยงแพะแกะ  และออกเดินทางค้าขาย  ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พบหน้าพ่อผู้บังเกิดเกล้า ไม่มีโอกาสที่จะปรนนิบัติผู้เป็นแม่ ชิวิตของท่านมีแต่การเดินทาง เหยียบย่ำไปทั่วทุกที่ของเมืองมะดีนะฮฺและยังดินแดนห่างไกล เพื่อประกาศสาน์สแห่งพระเจ้า 

      ท่านคือผู้ที่ต้องยอมละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นที่รัก เพื่ออพยพไปบนหน้าแผ่นดินของอัลลอฮฺ นำแสงสว่างไปมอบให้แก่มวลมนุษยชาติ  สนองตอบตามพระบัญชาของพระองค์ ถึงแม้ว่าท่านไม่มีโอกาสพบหน้าบิดาของท่าน ไม่มีโอกาสปรนนิบัติต่อมารดาของท่าน ในขณะที่ฉันเองมีโอกาสนั้น แต่ฉันก็ยกให้ท่านเป็นลูกผู้กตัญญูที่สุดต่อบุพการี เพราะท่านคือผู้นำศาสนามาสั่งสอนแก่มนุษยโลกที่สอนให้ รักเคารพ เชื่อฟังและกตัญญูต่อท่านทั้งสองภายใต้การเชื่อฟังพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดิน

          โอ้ท่านนบี ...ในสนามละหมาดอีดอันกว้างใหญ่ อันเป็นการเฉลิมฉลอง หลังสิ้นสุดเดือนรอมดอน เสียงตักบีรดังกระหึ่ม เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงส่งท่านมา เป็นความเมตตาแห่งมนุษย์ชาติ  ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศค่อยๆทะยอย หลั่งไหลกันมาที่นี่  มารวมตัวกันเพื่อขอบคุณต่ออัลลอฮฺ เราทั้งหลายได้พบปะ สวมกอดและอวยพรวันอีดให้แก่กัน ท่านสอนพวกเราให้มีความรักสามัคคีต่อกัน รักและปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก ไม่ว่าจะพูดจาภาษาใด เชื้อชาติใด สีผิวจะเหมือนหรือต่างกัน  ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด ฉันคิดถึงท่านในวันแห่งฮัจญ์อำลา วันที่ท่านกล่าวบรรดาอัครสาวกของท่านว่า

   "โอ้... ผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องจากพวกท่านไปแล้ว พวกท่านจงอย่าได้หันกลับไปต่อสู้เป็นศัตรูหลั่งเลือดกัน เหมือนอย่างเช่นสมัยแห่งความโง่เขลาดังที่ได้ผ่านมา แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านทั้งหลาย ซึ่งหากพวกท่านยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว ท่านทั้งหลายจะไม่หลงออกไปสู่แนวทางที่เหลวไหลเป็นอันขาด สิ่งนั้นคือ อัลกุรอ่าน และซุนนะห์ของฉัน

โอ้มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านมีหนึ่งเดียว และแท้จริงบิดาของพวกเจ้าก็มีหนึ่งเดียว ชาวอาหรับไม่ได้สูงส่งกว่าคนที่ไม่ใช่อาหรับ คนที่ไม่ใช่อาหรับไม่ได้สูงส่งกว่าชาวอาหรับ  คนผิวขาวไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนผิวดำ และคนผิวดำไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนผิวขาว นอกจากด้วยความยำเกรง(ตักวา)เท่านั้น”

สัจธรรมข้อนี้ได้เป็นที่ประจักษ์แล้ว

          โอ้ท่านนบี ...เมื่อฉันได้เรียนรู้ชีวประวัติของท่าน มันยิ่งทำให้ฉันคิดถึงท่านมากที่สุด ท่านถูกระบุอยู่ในชีวประวัติของ มหาตะมะ คานธี กล่าวถึงท่านว่า

          "ข้าพเจ้าต้องการที่จะรู้จักคนที่ดีที่สุดที่กำหัวใจของมนุษย์นับล้านๆคนในปัจจุบันโดยไม่อาจมีใครโต้แย้งได้ ข้าพเจ้ายิ่งกว่าเชื่อมั่นว่า   มิใช่ดาบแต่ประการใดที่ทำให้อิสลามได้ชัยชนะ ในอดีต หากแต่เป็นความเรียบง่าย การไม่ยึดติดอยู่กับตัวตนของนบี การรักษาสัญญาของท่านอย่างเคร่งครัด การอุทิศตนให้แก่เพื่อนและบรรดาสาวก ความกล้าหาญทรหด ความไม่เกรงกลัวใคร ความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างหมดใจ และในการปฏิบัติภารกิจของท่านเอง สิ่งเหล่านี้ต่างหาก มิใช่ดาบที่นำทุกสิ่งมาวางไว้ต่อหน้าพวกเขาและทำลายอุปสรรคทุกอย่าง เมื่อข้าพเจ้าปิดหนังสือ(ชีวประวัติของนบีมุฮัมมัด)เล่มที่ 2 ข้าพเจ้าเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้อ่านชีวิตอันยิ่งใหญ่อีก"

นี่คือชีวประวัติที่เปี่ยมล้นไปด้วยบทเรียนให้แก่ทุกแง่ทุกมุมแห่งการดำเนินชีวิต

ท่านคือ...แบบอย่างแห่งมนุษยชาติ

      ท่านคือ...บ่าวผู้เคารพภักดีต่อพระเจ้า อย่างหาที่เปรียบไม่ได้

      ท่านคือ...แบบอย่างของลูกผู้ประสบความสำเร็จ ที่หากใครก็ตามได้ยึดท่านเป็นแบบอย่างแล้วไซร้ แน่นอนว่าบิดามารดาของเขาคงมีความสุขเป็นที่สุด

      ท่านคือ...มหาศาสดาผู้ชี้นำโลก  คือแบบแผนของภาวะความเป็นผู้นำ ซึ่งหากผู้นำในยุคปัจจุบัน ดำเนินการปกครองอย่างที่ท่านได้ทำเป็นแบบอย่างไว้แล้วไซร้  ฉันเชื่อมั่นว่าความสันติสุขและความยุติธรรมจะแผ่ขยายไปบนหน้าแผ่นดินของโลกใบนี้

ท่านคือ...ตัวอย่างของสามีผู้รับผิดชอบครอบครัว รักและเอาใจใส่ต่อภรรยาอย่างดียิ่ง

ท่านคือ...พ่อต้นแบบ ผู้ประคับประคองและนำพาลูกๆ ไปสู่ความสำเร็จอันนิจนิรันดร สู่ฟากฝั่งของพระเจ้าด้วยความปลอดภัย

ท่านคือ...เพื่อนผู้มอบความจริงใจแก่มิตรสหาย ผู้ซึ่งพวกเขายอมสละทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อตัวท่าน รวมทั้งชีวิตของพวกเขาเอง

และท่านคือ...ตัวอย่างผู้เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ข้าแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา......

          โอ้อัลลอฮฺ   ในทุกๆสภาวะการณ์  นบีผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ นาม มุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม ก็จะยังเป็นคนที่ฉันรักและคิดถึงที่สุด ..  ขอพระองค์ทรงโปรดประทานพรและความศานติแด่นบีผู้เป็นที่รัก  โปรดประทานให้ฉันมีความรักและความคิดถึงต่อนบีของพระองค์อย่างมั่นคงตลอดไป และโปรดประทานให้ฉันและประชาชาติผู้ศรัทธาได้อยู่ร่วมกับท่านนบีในสวนสวรรค์อันนิรันดรของพระองค์ ด้วยเถิด ... อามีนญารอบบัลอาลามีน

وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين

อีดิ้ล ฟิตรี่  /  ๑๔๓๒

พิมพ์จาก : http://www.islammore.com/main/content.php?category=50&id=2324
มุสลิมไทย http://www.islammore.com

ความคิดเห็น