หลีกห่างจากการเกลียดชัง
เมื่อการโต้เถียงรุนแรงขึ้น เมื่อรากของมันหยั่งลึกมากขึ้น หนามของมันแตกกิ่งก้าน และกิ่งก้านของมันเพิ่มจำนวนสูงขึ้น เมื่อนั้นความหวานชื่น จากผลของการศรัทธา จึงเป็นเพียงการตลบแตลงที่มุ่งร้ายต่อกัน
ความอ่อนโยน ความเห็นอกเห็นใจกัน ความพอเพียงและความสันติ ที่คำสอนของอิสลามเฝ้าเรียกร้อง จะเผชิญกับอุปสรรคกีดขวาง การอิบาดะฮฺจะสูญเสียความดีงาม โดยที่ตัวเขาเองมิได้รับผลกำไรใดๆ จากการงานนั้น
บ่อยครั้งที่การโต้เถียงกันได้ ทำให้บุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้มีปัญญา ต้องรุ่มร้อนใจ เมื่อเกิดสิ่งนี้ขึ้น พวกเขาจะมองสิ่งอื่นอย่างเลวร้ายและผิวเผิน และบางครั้งจมลงในการงานอันตราย ซึ่งจะไม่เพิ่มสิ่งใด เว้นแต่ความยุ่งยากและนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ
เมื่อมนุษย์ไม่พอใจสิ่งใดสายตาของเขาจะลำเอียง มองเห็นอูฐและสิ่งของเป็นเพียงริ้นไร สายตาดังกล่าวจะมองไม่เห็นความงาม ของแพนหางนกยูง พวกเขาจะมองเห็นแต่เพียง ความน่ารังเกียจของเท้าและกรงเล็บของมัน
เมื่อรอยร้าวที่แบบบางเกิดขึ้น มันจะเปลี่ยนกองดินให้เป็นภูผา บางครั้งความอาฆาตและความอิจฉา ส่งผลต่อเขาอย่างเลวร้าย โดยไม่ลังเลใดๆ ในการวาดฝันจินตนาการเลวร้ายขึ้นเอาเอง
อิสลามไม่ยอมรับให้ความรู้สึกที่ป่วยไข้เหล่านี้ เกิดขึ้น และได้สำทับให้หลีกห่างออกจากมัน อิสลามกล่าวว่า การหลีกห่างจากโรคร้ายนี้ เป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่งของการอิบาดะฮฺ
ท่านเราะซูลฯ (ศ็อลล็อลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวไว้ความว่า “จงฟังเถิด จะไม่ให้ฉันบอกพวกท่านบางสิ่งหรอกหรือ ซึ่งมันสำคัญกว่าการละหมาด การถือศีลอด และการจ่ายซากาต” ประชาชนพากันขอร้อง ให้ท่านกล่าวออกมา “จงระวังรักษาความสัมพันธ์ที่ดี และรอยร้าวของความสัมพันธ์ คือมีดโกน ฉันมิได้หมายความว่ามันจะโกนขน แต่มันจะโกนศาสนา” (ติรฺมิซีย์)
หลายครั้งที่ชัยฏอนไม่อาจหันเหผู้มีปัญญา ให้หันมาเคารพบูชารูปปั้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะล่อลวง และสร้างความเสื่อมเสียแก่มนุษย์ มันจึงแสวงหารูปแบบการล่อลวงมนุษย์ เพื่อว่ามนุษย์จะออกห่างจากอัลลอฮฺให้จนได้ โดยการทำให้ผู้เฉลียวฉลาดคนนั้น ละทิ้งหน้าที่ที่เขามีต่ออัลลอฮฺ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ มากกว่าที่จะดึงให้หันมาเคารพบูชาตัวมันเอง
วิธีที่ดีที่สุดที่ชัยฏอนนำมาใช้ เพื่อเป้าหมายนี้ คือการเพาะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง สู่หัวใจของมนุษย์ เมื่อความเกลียดชังนี้ พัฒนาเป็นเพลิงไฟและความมุ่งร้ายต่อกัน มันก็จะมีความสุขอยู่หลังฉาก ไฟนี้เองที่เผาไหม้ปัจจุบัน และอนาคตของมนุษย์เป็นเถ้าถ่าน และไฟนี้เองที่ทำลายความผูกพัน และความดีจนหมดสิ้น
ศาสนทูตของอัลลอฮฺกล่าวไว้ความว่า “ชัยฏอนได้หมดหวัง ากการที่มันจะได้รับการเคารพบูชา ในคาบสมุทรอาหรับ แต่มันไม่เคยสิ้นหวัง ที่จะล่อลวงให้เกิดการชิงชังในหมู่ผู้คน” (มุสลิม)
นั่นหมายความว่าเมื่อความเลวร้ายฝังลึกเข้าสู่หัวใจ เมื่อผู้คนเริ่มรังเกียจความรัก และความเป็นพี่น้อง เมื่อทั้งสองอย่างนี้ ถูกทำลายลง จนทำให้มนุษย์จะมีจิตใจที่โหดร้าย และความอาฆาต ส่งผลให้ทำลายความเป็นมิตร กับสายสัมพันธุ์ ที่อัลลอฮฺทรงรับสั่งให้รักษาไว้ เมื่อนั้นความชั่วร้ายก็จะแพร่กระจายบนหน้าแผ่นดิน
ที่มา
Assalam Muhammad Heemmana ถึง กลุ่ม อัลฟุรกอน อิสลามนำชีวิต
เมื่อการโต้เถียงรุนแรงขึ้น เมื่อรากของมันหยั่งลึกมากขึ้น หนามของมันแตกกิ่งก้าน และกิ่งก้านของมันเพิ่มจำนวนสูงขึ้น เมื่อนั้นความหวานชื่น จากผลของการศรัทธา จึงเป็นเพียงการตลบแตลงที่มุ่งร้ายต่อกัน
ความอ่อนโยน ความเห็นอกเห็นใจกัน ความพอเพียงและความสันติ ที่คำสอนของอิสลามเฝ้าเรียกร้อง จะเผชิญกับอุปสรรคกีดขวาง การอิบาดะฮฺจะสูญเสียความดีงาม โดยที่ตัวเขาเองมิได้รับผลกำไรใดๆ จากการงานนั้น
บ่อยครั้งที่การโต้เถียงกันได้ ทำให้บุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้มีปัญญา ต้องรุ่มร้อนใจ เมื่อเกิดสิ่งนี้ขึ้น พวกเขาจะมองสิ่งอื่นอย่างเลวร้ายและผิวเผิน และบางครั้งจมลงในการงานอันตราย ซึ่งจะไม่เพิ่มสิ่งใด เว้นแต่ความยุ่งยากและนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ
เมื่อมนุษย์ไม่พอใจสิ่งใดสายตาของเขาจะลำเอียง มองเห็นอูฐและสิ่งของเป็นเพียงริ้นไร สายตาดังกล่าวจะมองไม่เห็นความงาม ของแพนหางนกยูง พวกเขาจะมองเห็นแต่เพียง ความน่ารังเกียจของเท้าและกรงเล็บของมัน
เมื่อรอยร้าวที่แบบบางเกิดขึ้น มันจะเปลี่ยนกองดินให้เป็นภูผา บางครั้งความอาฆาตและความอิจฉา ส่งผลต่อเขาอย่างเลวร้าย โดยไม่ลังเลใดๆ ในการวาดฝันจินตนาการเลวร้ายขึ้นเอาเอง
อิสลามไม่ยอมรับให้ความรู้สึกที่ป่วยไข้เหล่านี้ เกิดขึ้น และได้สำทับให้หลีกห่างออกจากมัน อิสลามกล่าวว่า การหลีกห่างจากโรคร้ายนี้ เป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่งของการอิบาดะฮฺ
ท่านเราะซูลฯ (ศ็อลล็อลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวไว้ความว่า “จงฟังเถิด จะไม่ให้ฉันบอกพวกท่านบางสิ่งหรอกหรือ ซึ่งมันสำคัญกว่าการละหมาด การถือศีลอด และการจ่ายซากาต” ประชาชนพากันขอร้อง ให้ท่านกล่าวออกมา “จงระวังรักษาความสัมพันธ์ที่ดี และรอยร้าวของความสัมพันธ์ คือมีดโกน ฉันมิได้หมายความว่ามันจะโกนขน แต่มันจะโกนศาสนา” (ติรฺมิซีย์)
หลายครั้งที่ชัยฏอนไม่อาจหันเหผู้มีปัญญา ให้หันมาเคารพบูชารูปปั้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะล่อลวง และสร้างความเสื่อมเสียแก่มนุษย์ มันจึงแสวงหารูปแบบการล่อลวงมนุษย์ เพื่อว่ามนุษย์จะออกห่างจากอัลลอฮฺให้จนได้ โดยการทำให้ผู้เฉลียวฉลาดคนนั้น ละทิ้งหน้าที่ที่เขามีต่ออัลลอฮฺ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ มากกว่าที่จะดึงให้หันมาเคารพบูชาตัวมันเอง
วิธีที่ดีที่สุดที่ชัยฏอนนำมาใช้ เพื่อเป้าหมายนี้ คือการเพาะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง สู่หัวใจของมนุษย์ เมื่อความเกลียดชังนี้ พัฒนาเป็นเพลิงไฟและความมุ่งร้ายต่อกัน มันก็จะมีความสุขอยู่หลังฉาก ไฟนี้เองที่เผาไหม้ปัจจุบัน และอนาคตของมนุษย์เป็นเถ้าถ่าน และไฟนี้เองที่ทำลายความผูกพัน และความดีจนหมดสิ้น
ศาสนทูตของอัลลอฮฺกล่าวไว้ความว่า “ชัยฏอนได้หมดหวัง ากการที่มันจะได้รับการเคารพบูชา ในคาบสมุทรอาหรับ แต่มันไม่เคยสิ้นหวัง ที่จะล่อลวงให้เกิดการชิงชังในหมู่ผู้คน” (มุสลิม)
นั่นหมายความว่าเมื่อความเลวร้ายฝังลึกเข้าสู่หัวใจ เมื่อผู้คนเริ่มรังเกียจความรัก และความเป็นพี่น้อง เมื่อทั้งสองอย่างนี้ ถูกทำลายลง จนทำให้มนุษย์จะมีจิตใจที่โหดร้าย และความอาฆาต ส่งผลให้ทำลายความเป็นมิตร กับสายสัมพันธุ์ ที่อัลลอฮฺทรงรับสั่งให้รักษาไว้ เมื่อนั้นความชั่วร้ายก็จะแพร่กระจายบนหน้าแผ่นดิน
ที่มา
Assalam Muhammad Heemmana ถึง กลุ่ม อัลฟุรกอน อิสลามนำชีวิต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น