อิสลามกับมายาทกับเด็กกำพร้า

อิสลามกับมารยาทกับเด็กกำพร้า


อิสลาม เป็นศาสนาที่ส่งเสริมให้มนุษย์มีความเมตตา โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้ที่ยากจน แร้นแค้น ตกทุกข์ได้ยาก และผู้ที่อ่อนแอกว่า ดังนั้น การช่วยเหลือต่อเด็กกำพร้าจึงเป็นความจำเป็นและเป็นความรับผิดชอบสำหรับมุสลิมทุกคนที่มีความสามารถ





อิสลาม เป็นศาสนาที่ส่งเสริมให้คนในสังคมมีการช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กกำพร้า ซึ่งขาดบิดา ผู้เป็นกำลังสำคัญของครอบครัว เด็กกำพร้าบางคน ขาดทั้งพ่อ ขาดทั้งแม่ ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เป็นย่า หรือยาย หรือญาติคนอื่น ๆ ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากจนอยู่แล้ว จึงทำให้ชีวิตของเด็กกำพร้ามีแต่ความขาด มีแต่ความบกพร่อง ขาดอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ขาดโอกาสทางการศึกษา, ขาดสภาพแวดล้อมที่ดี ๆ ที่จะหล่อหลอมให้เขาเติบโตมาเป็นคนที่มีคุณภาพที่สามารถช่วยประโยชน์ต่อสังคมได้

คำว่า "เด็กกำพร้า" ในหลักการของศาสนาอิสลาม คือ เด็กที่พ่อตายจากไปก่อนที่เขาจะบรรลุนิติภาวะ
ดังนั้น อิสลามจึงมุ่งเน้นให้มุสลิมหันกลับมาให้ความสนใจต่อเด็กกำพร้าซึ่งเขาเหล่านั้นรอคอยการช่วยเหลือ รอกคอยความเอ็นดู เมตตา ของพี่น้องมุสลิมของเขา ผู้ที่มีความจำเป็นในการช่วยเหลือเด็กกำพร้าคือผุ้ที่ใกล้ชิดเขาที่สุด หากไม่สามารถก็ผู้ที่ถัดมา หากยังไม่สามารถ, หรือไม่มีก็ สำหรับผู้ที่รู้ข่าวคราวที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ กล่าวคือ เด็กกำพร้าจำเป็นจะต้องมีผู้ให้การช่วยเหลือ
และการช่วยเหลือเด็กกำพร้า หมายถึง การช่วยเหลือในเรื่องความจำเป็นของชีวิตการศึกษา ศาสนา วิชาชีพ, การหล่อหลอม ขัดเกลาชีวิตของเขาให้อยู่ในครรลองของศาสนา และการช่วยเหลือนี้กับความรวมไปถึง การดูแลทรัพย์สินของเด็กกำพร้า สำหรับผู้ดูแลนั้นหากเขายากจน เขาสามารถจะใช้จ่ายส่วนตัวจากทรัพย์ของเด็กกำพร้าได้แต่ด้วยความชอบธรรม
อัลกุรอาน ได้กำชับต่อผู้ดูแลเด็กกำพร้าไว้ 2 ประการใหญ่ ๆ คือ
- กินทรัพย์สินเด็กกำพร้า กล่าวคือ การเอาทรัพย์สินของเด็กกำพร้า โดยมิชอบธรรม ดัง อัลกุรอานกล่าวไว้ว่า "แท้จริงบรรดาผู้ที่กินทรัพย์ของเด็กกำพร้าด้วยความอธรรมนั้น แท้จริงเขากินไฟเข้าไปในท้องของพวกเขาต่างหาก และพวกเขาก็จะเข้าสู่เปลวไฟ" (อัน-นิซาอฺ อายะห์ที่ 10)
- เปลี่ยนทรัพย์ที่เลวของเขาด้วยทรัพย์ที่ดีของเด็กกำพร้า "และจงให้แก่บรรดาเด็กกำพร้า ซึ่งทรัพย์สมบัติของพวกเขาและจงอย่าเปลี่ยนเอาของเลวด้วยของดี และจงอย่ากินทรัพย์ของพวกเขา ร่วมกับทรัพย์ของพวกเจ้า แท้จริงมันเป็นบาปอันยิ่งใหญ่" (อัน-นิซาอฺ อายะห์ที่ 2)
อัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนบีได้ให้ความสำคัญต่อการอุปถัมภ์และการให้ความสนใจต่อเด็กกำพร้าอย่างมากทีเดียว เสมือนดังอิสลามให้กำหนดกฎเกณฑ์ต่อประชาคมมุสลิม ให้เขารักษาสิทธิของเด็กกำพร้า จะสามารถใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ด้วยการให้ความเมตตา เอ็นดูต่อเด็กกำพร้าและจะได้ผลบุญมากมาย แม้เพียงเราเอาใจใส่ต่อความเดือดร้อนของพวกเขา การ ยิ้มแย้มต่อพวกเขา และแม้การลูบหัวของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งการปิติยินดี เช่น วันอีด ให้เขาคิดว่าถึงแม้ว่าเขาจะขาดพ่อไปแต่เขาก็ยังมีพี่น้องมุสลิมอีกมากมายที่เปรียบเสมือนพ่อของเขา คอยดูแลเมตตาและให้เขาได้มีวันอีดเหมือนเด็กอื่น ๆ ที่มีพ่อ แม่ และครอบครัวที่อบอุ่น และเพื่อเขาจะได้ไม่รู้สึกเป็นปมด้อย
ยังมีหะดิษอีกหลายบทที่ให้ความสำคัญต่อเด็กกำพร้า เช่น ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ กล่าวว่า "ฉันกับผู้ให้การอุปถัมภ์เด็กกำพร้าจะอยู่ด้วยกันในสวรรค์ดังเช่นนี้" แล้วท่านก็ชูนิ้วชี และนิ้วกลางขึ้นห่างกันเล็กน้อย
จากอิบนิอับบาส จากท่านนบี กล่าวว่า "ผู้ใดก็ตามที่เอาเด็กกำพร้าไปเลี้ยงอาหาร อัลลอฮฺก็จะให้เขาได้รับสวรรค์อย่างแน่นอนยกเว้นเขากระทำความผิดที่มิอาจให้อภัย" (ติรมีซีย์ และท่านกล่าวว่าเป็นหะดิษหะซันซอเฮียะฮฺ)
คัดลอกจาก: มูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า

ความคิดเห็น