มุสลิมในประเทศจีน
สมัยราชวงค์หยวน
โดยอับดุลกอเดร มัสแหละ
สมัยราชวงศ์หยวน หรือหงวน (มงโกล) 1260-1368
ในขณะที่พวกมงโกลนำโดยเจงกิสข่าน(เตมูจิน)ไปตีเมืองแถบเอเชียตะวันตกในตอนต้นคริสตวรรษที่ 13 นั้น เมื่อไปถึงบุคอรอ เจ้าเมืองที่เป็นมุสลิมทราบดีว่าถ้ารบกับกองทัพมงโกลแล้วอะไรจะเกิดขึ้น จึงได้ยอมสวามิภักดิ์เพื่อรักษาชีวิตของพลเมืองและปกป้องอิสลามจากการทำลายล้างของพวกเจงกิสข่าน การบุกตลุยของเจงกิสข่านทำให้ชนเผ่าต่างฯยอมจำนนและสมัครเป็นทหารของเจงกิสข่าน รวมทั้งชาวมุสลิมด้วย
เจงกิสข่านได้รับบุตรของเจ้าเมืองบุคอรอที่ชื่อ ซัยยิด อะญัล หรือซัยยิดอุมัร ชัมสุดดีน ไปเลี้ยงที่ปักกิ่งและให้การศึกษาทั้งภาษาอาหรับและภาษาจีนอย่างดี กุบไลข่านได้ขนานนามท่านผู้นี้ว่า "ซัยยิด สินี" หมายถึง "ผู้สืบเชื้อสายของท่านศาสดามุฮัมมัดแห่งจีน"
ในสมัยราชวงศ์หยวนนี้ ชาวมุสลิมมีบทบาทมาก ทั้งในด้านการปกครองและการทหาร ในสมัยไอโกได หรือ อุกไดข่าน นายพลเกือบทั้งหมดเป็นมุสลิม ในสมัยุบไลข่านมีรัฐมนตรีหลายคนเป็นมุสลิม ซัยยิด อะญัล ก็เป็นใหญ่โตในสมัยกุบไลข่านนี้เช่นกัน เขาได้สร้างความเจริญและการพัฒนาแก่ประเทศจึนเป็นอันมาก โดยเฉพาะในยูนานและมณฑลต่างฯ ซึ่งมีทั้งหมด 12 มณฑลที่ข้าหลวงเป็นมุสลิม
ซัยยิด อะญัล เป็นผู้มีชื่อเสียงมาก ขณะเป็นข้าหลวงแห่งมณฑลยูนานนั้นได้เริ่มทำระบบชลประทานเป็นอย่างดีและสร้างมัสยิดขึ้นเป็นครั้งแรก 2 หลัง ทำให้ยูนานเป็นศูนย์กลางทางศาสนาอิสลามที่สำคัญแห่งหนึ่งของระเทศจีน นอกจากสร้างมัสยิดแล้ว ยังได้สร้างวัดทางพุทธศาสนาและวัดของลัทธิขงจื้ออีกด้วย เขาสิ้นชีวิตในปี คศ.1279 อายุ 67 ปี มีพลเมืองหลายพันคนเข้ารับอิสลามในสมัยของเขา เนื่องจากความดีของเขาที่มีต่อประชาชนโดยไม่เลือกว่าจะนับถือศาสนาใดนี้เอง เมื่อเขาสิ้นชีวิตแล้ว ชาวจีนที่ไม่ใช่มุสลิมได้ก่อสร้างศาลเจ้าสำหรับบูชาท่านผู้นี้
ในสมัยกุบไลข่าน ได้สร้างมัสยิดทั่วทั้งประเทศจีน ทางมณฑลตะวันตกก็มีที่เมือง กานซู เสฉวน ยูนาน และเชี่ยงอัน กับตามศูนย์การค้าสำคัญฯเช่น ฉวนโจว และกวางตุ้งเป็นต้น นักวิชาการ นักการศึกษา และนักประดิษฐ์มุสลิมจำนวนมากที่เข้าไปอยู่ในประเทศจีนในสมัยกุบไลข่าน
ในจำนวนนั้นมีนักประดิษฐ์ปืนใหญ่ 2 คน คืออะลาอุดดีนแห่งมุฟารี และอิสมาอีล แห่งซีเรีย ปืนใหญ่ที่ท่านทั้งสองนี้ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกุบไลข่านเข้าตีเมืองเซียงหยังนั้นหนัก 150 ชั่ง เมื่อยิงออกไปเสียงก้องกัมปนาท ถูกเป้าหมายพังทลาย หลุมกระสุนลึกลงไปในดิน 7 ฟุต ชาวเมืองเซียงหยังตกจมาก ต้องย้อมแพ้ บุตรชายของ ซัยยิด อะญัล ชื่อนาศิรุดดีน ได้เป็นข้าหลวงแห่งมณฑลยูนานสืบต่อจากบิดา จนสิ้นชีวิตใน คศ.1291 และบุตรชายของนาศิรุดดีนชื่อ บะยาน เป็นรัฐมนตรีคลังในสมัยกุบไลข่าน หลานชายของกุบไลข่านคนหนึ่งได้เข้ารับอิสลามในสมัยเป็นผู้ว่าราชการมณฑลเชนสีและกานซู
ในปี คศ.1314 สมัยจักพรรดิ ซุย ชอง (Sui Chong) มีมุสลิมคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีฝ่ายขวา ซึ่งสำคัญกว่ารัฐมนตรีฝ่ายซ้าย และในปีนี้อีกเช่นกันได้สร้างสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับศาสนาสำหรับมุสลิม
อนึ่ง..พวกมงโกลที่ไปตีเมืองทางตะวันตกนำโดยฮาลากู หลานชายของเจงกิส ข่านได้บุกยึดกรุงแบกแดดและฆ่าชาวมุสลิมหลายแสนคน รวมทั้งเคาะลีฟะฮฺด้วย พวกนี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พบ เมื่อฆ่ามนุษย์จนอิ่มใจเเล้ว ในที่สุดเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม
ในหนังสือ "ประวัติศาสตร์ชาวมงโกล" ได้เขียนไว้ว่า "อา นัน ดา " เป็นชาวมงโกลคนหนึ่งที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ครองเมืองอันซี ต่อมาได้เข้ารับนับถืออิสลามและเผยแพร่อิสลามไปยังมณฑลนิงเซีย และบริเวณใกล้เคียง และทหารที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาจำนวน 1,500,000 คน เข้ารับอิสลามด้วย
ตอนปลายของราชวงศ์หยวน พวกมงโกลเข้ารับอิสลามจำนวนมาก ติมูร์แลงค์ (Timur Lane)บุตรของฮาลากูก็เข้ารับอิสลามด้วย พวกฮั่นก็มีเหมือนกันที่เข้ารับอิสลาม ชาวมุสลิมใหม่ซึ่งต่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้อยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข โดยยึดถือคำสอนของอิสลามที่ว่า "มุสลิมเป็นพี่น้องกัน" สมัยราชวงศ์หยวน นับเป็นสมัยที่อิสลามได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางมากทีเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดใช้วิจารณญานในการแสดงความคิดเห็น